การเรียนโฮมสคูลนั้นก็เป็นเรื่องราวที่โต้เถียงกันมานานครับ และสำหรับวันนี้ทาง ScholarShip.in.th ก็จะขอพูดเกี่ยวกับประเด็นนี้กันอีกรอบหนึ่งครับผม
สำหรับการเรียนการสอนแบบโฮมสคูล คือ การเรียนการสอนที่ให้เด็กๆ เรียนหนังสือกันที่บ้าน โดยปกติแล้วพ่อแม่จะทำหน้าที่เป็นครูผู้สอนเอง เหมาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่เตรียมการเรียนการสอนต่างๆ ให้ลูกด้วยตนเองนั่นแหล่ะครับ
ในบทเรียนหรือหน่วยการเรียนหนึ่งๆ จะมีการนำวิชาต่างๆ เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ศิลปะ ภูมิศาสตร์ มารวมไว้ในหัวข้อเดียวกัน หรือเรียนแบบบูรณาการกันนั่นเอง
ทีนี้ก็มีข้อโต้เถียงว่าการเรียนโฮมสคูลนั้นดีกว่าการเรียนในห้องเรียนเพราะว่า…
– งานวิจัยหลายชิ้น บอกว่าความผูกพันและพัฒนาการทางอารมณ์ที่ลูกได้ร่วมกันสร้างกับพ่อแม่จะแน้นแฟ้นมากขึ้นถ้าเรียนแบบโฮมสคูล และจะลดลงหากเข้าเรียนในโรงเรียนเร็วไป
– จากผลการวิจัยบางชิ้นยังบอกด้วยว่า เด็กไม่ควรจะเข้าโรงเรียนเตรียมอนุบาล หรือไม่ควรเข้าเรียนในโรงเรียนจนกว่าจะอายุครบ 8 – 10 ปี เหตุผลก็คือ เด็กยังไม่มีความเป็นผู้ใหญ่พอ ซึ่งควรรอให้ระบบการเรียนรู้และรับรู้ของเด็กโตเต็มที่เสียก่อน
– ผลการวิจัยจากหลายแห่ง แสดงให้เห็นว่านักเรียนแบบโฮมสคูลหรือนักเรียนที่เรียนที่บ้านมีผลการสอบที่ดีกว่านักเรียนอายุเท่าๆ กัน 30 – 37 เปอร์เซนต์ในทุกๆ วิชาโดยรวม
– นอกจากนี้การให้ลูกเข้าเรียนในโรงเรียนไวเกินไปจะทำให้ลูกรู้สึกไม่มั่นคง เพราะต้องจากบ้านไปสู่โรงเรียนอันเป็นที่ๆ ให้ความรู้สึกมั่นคงหรือปลอดภัยน้อยกว่า ทำให้รู้สึกตกใจกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป และข้อห้ามต่างๆ ในชั้นเรียน ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อเด็กๆ ได้นั่นเอง
ทีนี้เรามาดูข้อเสียกันบ้างนะครับ…
– การเรียนการสอนแบบโฮมสคูลทำให้ยากที่จะจัดการเรียนการสอนของเด็กทุกคนให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน
– การเรียนการสอนแบบโฮมสคูลทำให้เด็กขาดการเชื่อมสัมพันธ์กับเพื่อนอายุเท่ากันที่มาจากต่างเชื้อชาติและต่างศาสนา
– เด็กๆ ที่เรียนแบบไฮสคูลนั้น อาจมีแนวโน้มที่จะชอบอยู่คนเดียวมากกว่าอยู่รวมกลุ่ม ซึ่งอาจส่งผลต่อพฤติกรรมแปลกๆ ของเด็กในอนาคต
ทีนี้เราก็รู้ข้อดีข้อเสียของระบบการศึกษาทั้งสองกันแล้วนะครับ ได้อย่างเสียอย่าง เราต้องตัดสินใจกันเองแล้วล่ะ อิอิ สุดท้ายก็อยู่กับการที่เราตัดสินใจเลือกกันนะจ๊ะ
Source: Kidlander