เรื่องราวต่อไปที่ ScholarShip.in.th นำมาฝากเพื่อนๆ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับฤดูกาล ฟ้าๆ ฝนๆ นี่แหละจ้า ใครอยากรู้รายละเอียดตามมาชมกันเลย
สำหรับประเทศอังกฤษก็นับได้ว่าเป็นจุดหมายในการท่องเที่ยวหรือเรียนต่อของเพื่อนๆ หลายๆ คน ซึ่งเรื่องฤดูกาลก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ และในประเทศอังกฤษก็ย่อมจะต่างจากประเทศไทยอย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้นการรู้จักว่าประเทศอังกฤษ ประกอบไปด้วยฤดูอะไรบ้างในช่วงไหน ก็จะช่วยให้การวางแผนเดินทางไปเรียนต่อหรือท่องเที่ยวในประเทศอังกฤษเป็นเรื่องง่ายขึ้นนั่นเองครับ
โดยประเทศอังกฤษ จะใช้ระบบวัดอุณหภูมิแบบ องศาเซลเซียส เหมือนกับบ้านเรา โดยตลอดทั้งปี อุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 0-30 องศาเซลเซียส
เนื่องจากภูมิประเทศเป็นเกาะ อากาศเลยค่อนข้างชื้น และเปลี่ยนแปลงบ่อย มีฝนตกตลอดทั้งปี โดยเฉพาะทางด้านตะวันตก ที่ต้องรับลมมรสุมจากมหาสมุทรแอทแลนติกนั่นเอง
ประเทศอังกฤษเป็นอีกประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความหนาวเย็น โดยเฉพาะบริเวณชายฝั่งที่รับลมทะเล จะหนาวเย็นที่สุดในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ส่วนช่วงที่อบอุ่นที่สุดคือเดือนกรกฎาคมซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อน โดยช่วงความอบอุ่นจะเริ่มตั้งแต่พฤษภาคมถึงสิงหาคม ช่วงนี้คนอังกฤษจะชอบมาก และออกมาตากแดดกันใหญ่เลยแหล่ะ
ทีนี้เรามาดูอุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงเวลาต่างๆของประเทศอังกฤษ โดยแบ่งออกเป็น 4 ฤดูดังนี้
ฤดูใบไม้ผลิ เดือนมีนาคม – พฤษภาคม อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ15 – 20 C
ฤดูร้อน เดือนมิถุนายน – สิงหาคม อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 15 – 32 C
ฤดูใบไม้ร่วง เดือนกันยายน -พฤศจิกายน อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 8 – 14 C
ฤดูหนาว เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 0 – 4 C
สำหรับอุณหภูมิสูงสุดที่เคยวัดได้ คือ 38.5 C ที่เมือง Brogdale เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2546 ส่วนอุณหภูมิต่ำสุดที่วัดได้คือ -26.1 C (ท่าทางจะหนาวแย่) ที่เมือง Edgmond เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2525
สำหรับใครที่จะเดินทางไปเรียนอังกฤษ จะเปิดเทอมในสองช่วง คือช่วงเดือนกันยายน ที่เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศจะเริ่มเย็น แต่ไม่จำเป็นถึงขนาดต้องใช้เสื้อกันหนาวตัวใหญ่ อาจจะไปซื้อหาเอาที่นู่นได้
แต่ถ้าใครไปในช่วงเปิดเทอมเดือนมกราคม แบบนี้ต้องเอาเสื้อกันหนาวหนาๆไปด้วย เพราะอากาศจะหนาวเย็นมาก ><” การรู้เรื่องฤดูกาลในอังกฤษ จะทำให้เราเตรียมตัวได้ง่ายขึ้นแบบนี้ล่ะจ้า
เพื่อนๆ คนไหนที่เคยไปกันมาแล้ว สามารถแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆ ฟังได้นะครับอิอิ แล้วมาพบกับข้อมูลและสาระดีๆ จากรอบโลกแบบนี้กันได้ใหม่กับทาง ScholarShip.in.th นะครับ
Source: Wikipedia