สวัสดีครับ วันนี้ scholarship.in.th ได้ไปเจอเรื่องราวดีๆในเว็บไซต์หนึ่งซึ่งได้นำเอากระทู้พันทิพย์ซึ่งรวบรวมข้อมูลและเขียนกระทู้โดยคุณ Vasili เกี่ยวกับเรื่องเจเนอเรชั่นต่างๆ ซึ่งน่าสนใจมากเพราะเป็นที่ถกเถียงกันตลอด บางคนก็รู้แล้วว่าอยู่ gen อะไร แต่ยังทราบรายละเอียดไม่มาก มาดูกันเลยครับ
ได้ดูรายการทีวีอยู่รายการหนึ่ง ชื่อว่า “Talkin’ ‘Bout Your Generation” เนื้อหารายการไม่มีอะไรมากไปกว่ารายการถามตอบคำถามแนวเกมโชว์ทั่วไปครับ แต่ที่น่าสนใจคือคนที่มาร่วมรายการมีอายุที่ต่างกัน หรือจะพูดให้ออกแนวสังคมวิทยาหน่อย ก็คืออยู่กันคนละ generation นั่นเองครับ จากที่ดูรายการ ก็ทำให้ผมเห็นว่าทัศนคติ มุมมอง และประสบการณ์ต่างๆ ของคนในแต่ละรุ่นนั้น แตกต่างกัน เช่น คนที่อยู่ Gen B อาจไม่เข้าใจว่า”c u b4 10am” แปลว่าอะไรแต่ Gen X และ Y เข้าใจโดยในทันที
ไม่นานมานี้ก็มีข่าวที่ออสเตรเลียว่า “Gen Y ในช่วงเศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้ ไม่ค่อยจู้จี้เลือกงานแบบแต่ก่อน” ก็เลยสนใจขึ้นมาว่า Generation เค้าแบ่งกันมีกี่รุ่น แล้วแต่ละรุ่นนิสัยอย่างไร ก็ลองหาอ่านดูแล้วก็มาสรุปแบบง่ายๆ ให้อ่านกันครับ
generation สามารถแบ่งได้ออกเป็น 9 รุ่นด้วยกัน คือ
1. Lost Generation
คนรุ่นนี้เกิดในช่วงทศวรรตที่ 1880s ครับ และคงไม่มีหลงเหลืออยู่ในยุคสมัยนี้แล้ว ถึงใช้คำว่า Lost Generation
ที่เด่นก็คือในช่วงอายุ 20-30 ปี ได้เข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งแรก
2. Interbellum Generation
ผู้ที่เกิดในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ครับ คำว่า Interbellum มาจากภาษาลาตินที่ว่า Inter- ที่แปลว่าระหว่าง
และ bellum- แปลว่า สงคราม รวมแล้วก็หมายความว่า คนที่เกิดและมีชีวิตอยู่ระหว่างสงครามใหญ่ๆ สองครั้ง
นั่นก็คือช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 คนรุ่นนี้เกิดในช่วงปี 1901 ถึง 1913 ครับ คือรับใช้ชาติตั้งแต่อายุน้อยๆ
ในสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ก็แก่เกินไปแล้วที่จะเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 คนรุ่นนี้หลงเหลืออยู่น้อยมากแล้วครับ
ที่ยังอยู่ก็อายุแตะ 100 ปีกันแล้ว
3. Greatest Generation
คนรุ่นนี้เกิดในยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำในช่วง 1930s ครับ และเป็นกำลังสำคัญในสงครามโลกครั้งที่ 2 คนรุ่นนี้ส่วนใหญ่
จะเสียชีวิตในสงครามครับ จะพบได้ว่าจำนวนประชากรผู้หญิงจะมีมากกว่าชาย ภายหลังสงครามสงบ คนรุ่นนี้ก็มีส่วน
อย่างมากในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจโลกให้กลับมาดีอีกครั้ง
4. Silent Generation
เกิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ ผู้หญิงเริ่มออกมาทำงานนอกบ้านครับ คนรุ่นนี้ยอมรับความผิดหวังได้ดี แต่ก็
คาดหวังถึงการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เน้นสิทธิความเป็นมนุษยชนมาก คนรุ่นนี้มีไม่มากครับ เนื่องมาจากในช่วง
เศรษฐกิจตกต่ำปี 1920s-1930s คนไม่นิยมการมีลูกครับ เลยทำให้คนรุ่นนี้มีน้อย และแน่นอนที่ว่า คนน้อย คู่แข่งก็น้อย
คนรุ่นนี้เรียกได้ว่าเกิดมาในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว มีโอกาส ช่องทางการสร้างกิจการตัวเองมากครับ หลายคนเป็น
นักวิทยาศาสตร์และมีโอกาสร่วมพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเป็นรากฐานด้าน
เทคโนโลยีให้กับคนรุ่นหลังๆ จนถึงปลายศตวรรตที่ 20
5. Baby Boom Generation
ผมเชื่อว่า คุณพ่อคุณแม่ หลายคนในนี้ก็เป็นคน Gen B นะครับ Baby Boom ก็แปลแบบตรงไปตรงมาคือ
รุ่นที่มีเด็กเกิดมากๆ อันเนื่องมาจากคนในรุ่น Greatest Generation ที่ล้มหายตายจากไปในสงครามโลกครั้งที่ 2
และ Silent Generation ที่มีอยู่น้อยเหลือเกินเพราะผลจากเศรษฐกิจไม่ดีช่วงปี 1930s ทำให้คนไม่นิยมการมีลูก
ภายหลังสงครามสงบและเศรษฐกิจกลับมาดีอีกครั้ง อัตราการเกิดของประชากรเลยเพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจนในช่วง 1950s
คนรุ่นนี้มีความเป็นตัวของตัวเอง พยายามคิดและทำอะไรด้วยตัวเองครับ และบางส่วนก็เริ่มคิดนอกกรอบ ยอมรับการเปลี่ยน
แปลงของสังคมได้ดี คนที่เกิดในช่วงนี้จะ เห็นการลอบสังหาร JFK เห็นคนเดินบนดวงจันทร์ บางส่วนเข้าร่วมรบ
ในสงครามเวียดนาม เริ่มมีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาครับ ยิปปี้หรือพวกที่ฝันถึงโลกอุดมคติอย่าง John Lennon ก็คนรุ่นนี้ครับ
6. Generation X
คนรุ่นนี้ก็เป็นรุ่นลูกของ Silent Generation และ Gen B ครับ และเชื่อมโยงกับ popular culture
โดยตรง เป็นคนที่เกิดก่อนปี 1973 และมีชีวิตวัยรุ่นในยุค 1980s อัตราการเกิดของ Gen X ลดลงอย่างชัดเจน
เมื่อเทียบกับ Gen B อาจเรียกคนรุ่นนี้ว่าเป็น baby bust ก็ได้ Gen X รุ่นท้ายสุดคือคนที่เกิดในปี 1981 และ
จบ ม.ปลาย ช่วงปี 1999 คนรุ่นนี้มาพร้อมกับวัฒนธรรมที่แปลกใหม่ และมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวกับวัฒนธรรมที่เปลี่ยนไป ยอมรับการอยู่กินก่อนแต่ง ไม่เชื่อศาสนา ไม่ค่อยเชื่อฟังพ่อแม่ มีความเป็นตัวของตัวเองมาก คนรุ่นนี้เห็นการพัฒนาของ video game, computer, internet, ธุรกิจ dot com, Hip Hop และเกี่ยวพันกับการระบาดของ AIDS
7. MTV Generation
คนที่เกิดในช่วง 1975-1986 เป็นรุ่นที่อยู่ระหว่าง Gen X กับ Gen Y นะครับ เติบโตมากับ pop culture
และได้รับอิทธิพลจาก Madonna และ Michael Jackson คนรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่โตมากับ PC ที่มีใช้อยู่ในบ้าน
รู้จัก Nintendo เป็นอย่างดี และมีประสบการณ์กับเกม DOOM คนรุ่นนี้จะมองเห็นความแตกต่างระหว่างเทคโนโลยี
analog กับ digital ได้เป็นอย่างดี และอยู่ในช่วงท้ายๆ ของสงครามเย็น อาจเรียกได้ว่าเป็นรุ่น Cold Y Gen
คือเห็นการทำลายกำแพง Berlin อันเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามเย็นอันยาวนาน ว่ากันว่าใครเกิดทันดู TV ขาวดำ
ก็ยังเป็น Gen X อยู่
8. Generation Y
อาจเรียกได้ว่าเป็นคนยุคศตวรรตใหม่ Millennials มีชีวิตความเป็นอยู่กับเทคโนโลยี digital โดยคนที่เกิดในรุ่นนี้เริ่มตั้งแต่ 1982 และจบ ม.ปลายช่วงปี 2000 รุ่นท้ายๆ เกิดอยู่ในช่วงปี 1991 ถึง 1996 คนรุ่นนี้เติบโตมาพร้อมกับการติดต่อสื่อสารและเทคโนโลยีพกพาทั้งหลาย อย่างโทรศัพท์มือถือ MP3 ต่างๆ คน Gen Y ถือว่าเป็นคนที่ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีจากพ่อแม่ที่เป็น Gen B ซึ่งเป็นรุ่นที่ถูกปลูกฝังมาให้ทำงานหนัก ขยันขันแข็ง จนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานในช่วงอายุ 40-50 ในยุคที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างมากทำให้คน Gen Y ถูกตามใจแต่เด็ก ได้ในสิ่งที่คนรุ่นพ่อแม่ไม่เคยได้ มีโอกาสทางการศึกษาที่ดี มีแนวคิดเป็นตัวของตัวเองทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ และปฏิเสธสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ คือไม่อดทนอย่างคนรุ่นพ่อแม่เท่าไหร่ คนรุ่นนี้กำลังเข้ามามีบทบาทในสังคมมากขึ้น เพราะเรียนจบไม่นาน และกำลังก้าวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน โดยเข้ามารับช่วงต่อจาก Gen B ที่กำลังเกษียณไปด้วยอุปนิสัยที่ดูไม่ค่อยอดทนต่องานที่ทำเท่าไหร่ ชอบเปลี่ยนงาน จึงเป็นประเด็นที่หัวหน้าที่เป็น Gen B กังวลเหลือเกินว่าจะไหวหรือเปล่า? เนื่องด้วยที่เป็นคนที่มีความเป็นส่วนตัวสูง การทำงานหนัก กลับบ้านดึกอย่างรุ่นพ่อแม่ที่เป็น Gen B คงไม่มีให้เห็น คน Gen Y จะมีสมดุลในการดำเนินชีวิต คือให้เวลากับตัวเองพอๆ กับงาน จะเห็นได้ว่าหลังเลิกงาน คนรุ่นนี้จะมีไป fitness หรือทำกิจกรรมเพื่อให้ความสุขกับตัวเอง แทนที่จะหมกมุ่นกับงานประจำ คน Gen Yจะได้เห็นการมาของ นักร้องอย่าง Backstreet Boys, Spice Girls, ‘N Sync, Britney Spears เป็นวัฒนธรรมแบบ Teen pop รวมไปถึงงานเขียนอย่าง Harry potter ก็เป็นนิยายแบบ Gen Y โดยแท้จริง
9. Generation Z
เด็กรุ่นใหม่ เกิดในช่วงกลางทศวรรตที่ 1990s จนถึงปัจจุบัน บ้างว่าเป็น iGeneration หรือ internet generation
แน่นอนว่า เกิดมาพร้อมกับสังคม internet โดยแท้จริง เกิดจากพ่อแม่รุ่นใหม่อย่าง Gen X เด็กรุ่นนี้โตสุดก็อายุน่าจะอยู่ใน
ช่วง 16-17 ปี ดำเนินชีวิตแบบมีการติดต่อสื่อสารไร้สาย และสื่อบันเทิงที่คุ้นเคยต่างๆ อย่าง DVD, WWW, MSN, มือถือ, YouTube เรียกได้ว่าเป็นเด็กที่เกิดจากสังคม digital เลยก็ว่าได้ Digital Native ซึ่งต่างจาก Gen Y ที่สมัยนั้นสื่อ digital
ยังเป็นอะไรที่ไกลเกินเอื้อมและ internet ยังไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในระยะเอื้อมถึงจนกระทั้งปี 1995 เด็ก Gen Z เกิดมาในสังคมที่
ความเท่าเทียมทางเพศมีความชัดเจนทั้งในที่ทำงานและที่บ้าน เรียกได้ว่าเด็กรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่ทั้งพ่อและแม่ทำงาน full time นอกบ้านทั้งคู่ นั่นหมายความว่าได้รับการเลี้ยงดูโดยมากจากคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่ Gen Z เป็นรุ่นแรกที่เห็นคนรุ่นเดียวกันและคน รุ่นพ่อแม่ที่รู้จักการทำงานกับ technology ซึ่งต่างจาก Gen Y ที่พบว่าตัวเองกับคนรุ่นพ่อแม่อย่าง Gen B มีความเข้าใจ technology ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ Gen Y ก้าวเข้าสู่ internet ในช่วงวัยรุ่นหรือวัยทำงาน แต่ Gen Z เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยีเหล่านี้ บางครั้งเด็กเหล่านี้อาจจะจิตนาการไม่ออกว่า โลกที่ไร้ internet นั้นเป็นอย่างไร
โดยส่วนตัวแล้วแอดมินอยู่ Gen Y นั่นเอง ซึ่งเพื่อนๆหลายๆคนคงอยู่ไล่เลี่ยกันไม่มากเช่นกัน ก็ถือว่าจริงมากๆเลยแหละ อยากให้คนที่อยู่ Gen ก่อนๆอ่านนะครับ จะได้เข้าใจ Gen หลังๆได้มากขึ้น อิอิ
source: thaithinkpad