เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีประสบการณ์นั่งรถบัสคันสีเหลืองไปโรงเรียนตอนเช้า และนั่งกลับในตอนเย็น แม้ว่าในหลายที่จะไม่มีการกำหนดที่นั่งอย่างเป็นทางการ (ใช้ความเคยชิน ที่ประจำของใครคนนั้นนั่ง) แต่ในสหรัฐอเมริกา รถโรงเรียนหลายคันมีการกำหนดที่นั่งเอาไว้ และเด็กๆ ต้องนั่งประจำที่
ที่นี้ด้วยความที่บางคนอาจไม่เข้าใจว่าแค่ที่นั่งสำหรับไปและกลับโรงเรียน ทำไมจะต้องมีการกำหนดที่นั่งสำหรับเด็กๆ ด้วย? วันนี้เราเลยจะชวนคุณไปส่องเหตผลที่คนขับไม่เคยบอก แต่อยากให้ทุกคนรู้ไว้เป็นข้อมูล มาดูกัน
1. เหตุผลที่ต้องกำหนดที่นั่ง
เพื่อป้องกันการแย่งที่และช่วยให้ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบ สงบ และเรียบร้อย จึงต้องมีการกำหนดที่นั่งเพื่อให้ไม่เกิดปัญหาภายหลัง ทั้งยังเป็นการฝึกให้เด็กๆ มีความร่วมมือต่อกฎเกณฑ์ของสังคมด้วย
2. เหล่าคนขับมีงานประจำหลังจากส่งเด็กๆ ในทุกเส้นทาง
หลังจากส่งเด็กๆ จนครบตลอดเส้นทางแล้ว คนขับรถจะทำการขับย้อนกลับไปทางเก่าเพื่อเช็คให้แน่ใจอีกครั้งว่า ไม่มีใครถูกทิ้งไว้กลางทาง
3. คนขับก็รำคาญรถคันอื่นๆ พอๆ กับที่คนอื่นรำคาญรถโรงเรียนนั่นแหละ
เนื่องจากรถบัสโรงเรียนถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อความปลอดภัยในการพาเด็กๆ ไปให้ถึงที่หมาย ดังนั้นมันจึงอาจไม่ถูกใจผู้ใช้รถใช้ถนนหลายๆ คนซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่คนขับรถเองก็รำคาญใจเหมือนกัน
สิ่งที่ทำให้พวกเขาหงุดหงิดใจมากที่สุด คือการที่คนอื่นๆ ขับรถอย่างไม่ระมัดระวัง หรือเร่ง เมื่อนักเรียนกำลังจะขึ้นรถ และเขาอยากให้ทุกคนรู้ว่า เขาไม่สามารถเคลื่อนรถได้ หากนักเรียนเหล่านั้นยังไม่ขึ้น หรือลงรถอย่างปลอดภัย
4. รถโรงเรียนได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อปกป้องเด็กๆ
รถโรงเรียนมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุต่ำ เนื่องจากมันเป็นยานพาหนะที่ได้รับการออกแบบให้มีความปลอดภัย แม้ไม่มีเข็มขัดนิรภัย
American School Bus Council (ASBC) ยังชี้ให้เห็นว่ารถบัสโรงเรียนสามารถกระจายพลังงานได้หากมีการชนเกิดขึ้น ซึ่งนั่นจะช่วยลดผลกระทบที่มีต่อเด็กๆ
5. สาเหตุของปัญหา ไม่ได้มาจากเด็กๆ เพียงอย่างเดียว
แต่ผู้ปกครองเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาด้วย พ่อแม่บางคนสอนลูกว่าไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังคนขับรถ และบางคนก็ไม่อยู่รอรับลูกเมื่อถึงเวลา
ตามกฎที่มี คนขับไม่สามารถปล่อยเด็กให้รอลำพังได้ หากไม่มีผู้ปกครองมารอรับ นั่นทำให้ในบางครั้ง เด็กเหล่านั้นต้องไปรอพ่อแม่มารับที่สถานีตำรวจ หรือที่ว่าการอำเภอ หากไม่มีการแจ้งผ่านลายลักษณ์อักษรจากผู้ปกครอง
6. พวกเขามีเวลาว่างมากในระหว่างวัน
อย่างที่คุณอาจจินตนาการได้ ว่าคนขับรถบัสโรงเรียนส่วนใหญ่ มีเวลาว่างมากมายหลังจากการไปรับช่วงเช้าและช่วงเย็น นั่นหมายความว่าพวกเขาสามารถจอดรถบัสทิ้งไว้ที่โรงรถ และออกไปทำธุระที่โรงยิม งีบหลับ หรือทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ
7. พวกเขาไม่สามารถตรวจจับความผิดปกติทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนรถได้
เนื่องจากต้องใช้สมาธิในการขับขี่ คุณจึงไม่อาจหวังให้คนขับรถโรงเรียนสังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นตลอดรถทั้งคันที่มีเด็กๆ หลายคนนั้งได้ หากเกิดการรังแกกันบนรถโรงเรียน ขอให้มั่นใจว่าพวกเขาพยายามอย่างที่สุดแล้วที่จะแก้สถานการณ์เท่าที่ทำได้
8. คนขับรถต้องการข้อมูลที่อัปเดทเสมอ สำหรับที่อยู่ที่ต้องไปส่งเด็กๆ
ไม่มีอะไรน่าหงุดหงิดใจไปกว่าการที่คนขับรถโรงเรียนไม่สามารถติดต่อผู้ปกครองของเด็กได้ในกรณีฉุกเฉิน เนื่องจากพวกเขาเปลี่ยนเบอร์โทร หรือที่อยู่แล้วไม่ได้แจ้งในฐานข้อมูลไว้
9. สำหรับการทัศนศึกษา พวกเขามีสิทธิ์ได้เข้าร่วมฟรี
ระหว่างที่เด็กๆ สามารถเข้าพิพิธภัณฑ์หรือหอศิลป์เพื่อทัศนศึกษา คนขับรถเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องนั่งแกร่วรอในรถ เนื่องจากพวกเขาได้รับโควต้าสำหรับการเข้าเยี่ยมชมสถานที่เหล่านันได้ฟรี พร้อมกับเด็กๆ และบางที่ยังมีมื้ออาหารให้ฟรีสำหรับผู้ที่พานักเรียนมาส่งได้ด้วย
10. พวกเขาชื่นชมการให้เกียรติ
ไม่จำเป็นต้องรอวาระพิเศษที่จะแสดงความขอบคุณเหล่าคนขับรถที่พาคุณ หรือเด็กๆ ของคุณ ไปโรงเรียนในทุกๆ วัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเขาต้องจัดการกับเด็กเกเรด้วยแล้ว การแสดงน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จะทำให้พวกเขาชื่นชมคุณอย่างมาก
แม้ว่าในบ้านเราอาจไม่ได้มีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น แต่การสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมที่แตกต่างจะช่วยให้คุณมองโลกได้กว้างไกลยิ่งขึ้น ที่สำคัญ หากใครกำลังวางแผนจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ข้อมูลเหล่านี้อาจช่วยให้คุณปรับตัวได้ง่ายขึ้นด้วยนะ :)
ที่มา: rd.com