จิตใจของมนุษย์เต็มไปด้วยความประหลาดล้ำราวความลึกของมหาสมุทร ด้วยเหตุนี้นักวิทยาศาสตร์จึงทำการศึกษาเกี่ยวกับสมองอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบพฤติกรรมใหม่ๆ
วันนี้เรามีข้อเท็จจริงที่น่าสนใจมากฝาก ซึ่งอาจเป็นการช่วยให้คุณเอาชนะอุปสรรคในชีวิตได้ง่ายขึ้น
1. คนที่มีไอคิวสูง มีเพื่อนไม่มากนัก
ผลการศึกษาล่าสุดพบว่า คนที่มีไอคิวสูงไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนมากมาย เนื่องจากสมองของพวกเขาคอยหมกมุ่นอยู่กับการแก้ปัญหาใหญ่ๆ และพวกเขาเข้าใจว่าการสื่อสารเป็นเรื่องที่เสียเวลา
อย่างไรก็ตาม มีผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่ามิตรภาพในเชิงบวกไม่เพียงแต่มีผลต่อทางจิตวิทยาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงภาวะของสุขภาพด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ควรดึงตัวเองออกมาจากกองหนังสือ แล้วให้ความสนใจกับผู้คนบ้าง
2. ภาวะซึมเศร้าเปลี่ยนการรับรู้สี
ในภาวะซึมเศร้า เรตินามีความไวต่อสีคู่ตรงข้ามน้อยลง ซึ่งผู้ป่วยจะแยกแยะความแตกต่างของสีได้น้อยลง และในทางตรงกันข้ามหากคุณกำลังถูกสีเทาและสีอ่อนๆ ล้อมรอบ คุณจะมีแนวโน้มในการเกิดภาวะซึมเศร้า และหดหู่ใจมากขึ้น
3. อย่าคุยโวเกี่ยวกับแผนการของคุณ มิฉะนั้นมันจะไม่เกิดผล
เมื่อคุณบอกเล่าถึงแผนการที่ตั้งใจจะทำ สมองของคุณจะเข้าใจว่าสิ่งนี้คุณทำ “เสร็จแล้ว” และมันยากมากที่จะโน้มน้าวให้เกิดผลในทางตรงกันข้าม อาจเป็นเหมือนความเชื่อทางไสยศาสตร์ แต่นักจิตวิทยาได้พิสูจน์ว่าความสัมพันธ์นี้เป็นความจริง ด้วยความช่วยเหลือของการวิจัย และการสอบถามข้อมูลอย่างจริงจัง
4. การรู้ภาษาต่างประเทศช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้
เพื่อตัดสินใจให้ดีขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องสวมบทคนเลือดเย็นเสมอไป เพียงแค่ลองคิดวิเคราะห์เป็นภาษาต่างประเทศดู
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าคนเรามักจะแสดงออกทางอารมณ์เมื่อพวกเขาทำการตัดสินใจที่สำคัญ ซึ่งถ้าคุณลองวิเคราะห์สถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่เป็นภาษาต่างประเทศ ส่วนของสมองที่เกี่ยวกับเหตุผลจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งจะช่วยให้วิธีการของคุณเกิดความสมดุลมากขึ้น
5. หนุ่มสาวอายุน้อยประสบปัญหาซึมเศร้าบ่อยขึ้น
ผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่าบุคคลที่ไร้ความสุขที่สุดในโลกคือผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี และชาย-หญิงอายุตั้งแต่ 18 – 30 ปีมีแนวโน้มที่จะมีความวิตกกังวล และความเครียดมากขึ้น
6. ความเหนื่อยล้ากระตุ้นความคิดสร้างสรรค์
ความคิดสร้างสรรค์มักเกิดขึ้นกับคนที่เหน็ดเหนื่อย เพราะสมองของพวกเขามีประสิทธิภาพน้อยลง และอาจจะมาพร้อมกับไอเดียที่ดูบ้าบอ
แต่ใครจะรู้ความคิดบ้าๆ บอๆ อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการยิ่งใหญ่ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าไอเดียดีๆ มักโผล่แวบในหัวของเราในตอนอาบน้ำหลังจากผ่านวันที่หนักหนามา หากคุณเป็นคนตื่นเช้ากระบวนการคิดสร้างสรรค์สามารถเริ่มต้นในตอนเย็น และหากเป็นคนนอนดึก แรงบันดาลใจอาจเกิดขึ้นในตอนเช้า
7. 80% ของการบทสนทนาคือเรื่องซุบซิบนินทา
ส่วนสำคัญของบทสนทนาคือเรื่องนินทา และปัจจัยข้อนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศด้วย ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะซุบซิบเช่นเดียวกับผู้หญิง นักวิทยาศาสตร์เผยสถิติที่น่าตกใจว่า 80% ของการสนทนาของผู้คนเป็นเพียงการนินทา และการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเพื่อน และเพื่อนร่วมงาน
อย่างไรก็ตามการนินทาก็ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสมอไป เพราะถือเป็นวิธีสื่อสารที่สำคัญ ช่วยให้ผู้คนรักษาความสัมพันธ์ทางสังคมไว้ได้ อีกอย่างลิงซิมแปนซีก็ชอบนินทาญาติๆ ของพวกมันด้วย
8. ความสุขคุณซื้อได้
หลายคนมักกล่าวว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะซื้อความสุข อย่างไรก็ตามนักจิตวิทยาได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจนี้ กล่าวคือคุณสามารถซื้อความรู้สึกของความสุขได้ แต่เงินตราไม่ควรจะใช้กับตัวคุณเอง แต่ควรใช้กับญาติๆ ของคุณ เพื่อนฝูง หรือองค์กรการกุศล
เมื่อเรานำความสุขไปให้คนอื่นเหมือนเป็นการยกระดับความนับถือในตัวเอง เห็นว่าตัวเองมีความสำคัญ เกิดความสุข และพึงพอใจกับชีวิตของตัวเองมากขึ้น
9. 20 วินาทีก็เพียงพอที่จะสร้างความน่าเชื่อถือได้
การสวมกอดสัก 20 วินาทีสามารถทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจได้ (แต่แน่นอนว่าต้องเป็นหลังจากที่ได้รับการยินยอมให้สวมกอดแล้วเท่านั้นนะ) ที่เป็นเช่นนี้เพราะฮอร์โมนอ๊อกซิโตซินถูกปลดปล่อยออกมาเมื่อเรารู้สึกปลอดภัย (รวมทั้งตอนที่อยู่กับคนรัก)
10. 80% ของความคิดของคุณเป็นความคิดทางลบ
ในแต่ละวันมีความคิดประมาณ 12,000 ถึง 60,000 ครั้งที่ผ่านเข้ามาในหัวของเรา สมองของเราทรงพลังกว่าคอมพิวเตอร์มากนัก ทว่า 80% ของความคิดเราดันเป็นเรื่องทางลบ และส่วนใหญ่ของความคิดเชิงลบเหล่านี้เกิดซ้ำๆ ทุกวัน ดังนั้น ทุกความคิดงี่เง่าที่เข้ามาในหัวของคุณถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับทุกคน
หลายอย่างที่ดูธรรมดาทั่วไป แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่ามีความไม่ธรรมดาแฝงอยู่
ที่มา: brightside.me