หลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการเรียนภาษาอังกฤษ เพราะเป็นรากฐานสำคัญที่จะนำไปสู่การสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการอ่าน การเขียน หรือแม้กระทั่งการพูด
หากคุณต้องการใช้ไวยากรณ์ให้ถูกต้องแล้วล่ะก็ มาดูกันว่าในแต่ละส่วนมันคืออะไร และมีวิธีใช้อย่างไรบ้าง….
1. การใช้เครื่องหมายยัติพังค์ (-)
เครื่องหมายยัติพังค์ (-) เป็นเครื่องหมายที่สามารถใช้แทนวงเล็บ จุลภาค ทวิภาค ทับ หรือเครื่องหมายคำพูดในประโยค
เราสามารถใช้ (-)เมื่อเชื่อมคำสองคำเข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดความหมายใหม่หรือใช้เมื่อเราต้องการแยกคำ วลี ออกมาจากประโยค เพื่อให้ส่วนนั้นโดดเด่นยิ่งขึ้น
2. การใช้เครื่องหมายคำพูด (“”)
เรามักจะใช้เครื่องหมายคำพูดเพื่อเน้นประโยคนั้นให้ชัดเจนมากขึ้น หรือเพื่อปิดท้ายข้อความที่ยกมาโดยตรงไม่ว่าข้อความนั้นจะถูกกล่าวโดยบุคคลหรือถูกยกมาจากงานเขียน.
3. การใช้เครื่องหมายจุลภาค (,)
เป็นเครื่องหมายที่ใช้ในการแบ่งคำหรือวลี และช่วยในการปรับปรุงประโยคให้อ่านง่ายขึ้น
4. การใช้เครื่องหมาย (/)
เป็นเครื่องหมายที่ใช้สำหรับการแบ่งวรรค หรือการใช้ทับแทน and เพื่อเชื่อมคำนามสองคำ ให้อ่านง่ายขึ้น
5. การใช้คำเชื่อม
คำสันธานคือคำที่เอาไว้เชื่อมคำ วลี และประโยค เข้าด้วยกัน คำสันธานมีสามประเภท คือ subordinating , coordinating และ correlative conjunctions
6. Active voice
ประโยค active voice คือ ประโยคที่มีประธานเป็นทำกริยานั้นโดยตรง โดยมีกรรมมารับหรือไม่มีกรรมมารับประโยคก็ได้
7. การใช้ Modifiers
Modifiers เป็นคำหรือกลุ่มคำที่เราเพิ่มเข้าไปเพื่อขยายความหมายของคำหรือกลุ่มคำหลัก การแบ่งประเภทของ modifiers ขึ้นอยู่กับหน้าที่ของมัน เช่น adjective modifiers ทำหน้าที่ขยาย nouns และ pronouns ส่วน adverbial modifiers ทำหน้าที่ขยาย verbs, adjectives และ adverbs หรือบางทีก็ขยายทั้งประโยค
8. Subjunctive
Subjunctive หมายถึง ประโยคที่แสดงความต้องการ ความปรารถนาที่อาจจะเป็นไปได้หรือไม่ได้ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
9. การใช้ Gerund
Gerund คือ คำกริยาเติม ing (V-ing) ที่ทำหน้าที่เป็นคำนาม เรียกกันว่า กริยานาม Gerund ทำหน้าที่เหมือนคำนาม สามารถอยู่ได้ทั้งหน้า กลาง และหลังของประโยค
10. การใช้ Verb
คำที่แสดงการกระทำหรือบอกสภาพของประธานของประโยค แบ่งเป็น Regular Verb และ Irregular Verb Regular Verb จะทำหน้าที่เป็นกริยาที่เติม -ed ข้างท้าย เมื่อผันเป็นกริยาช่องที่ 2 และ 3 หรือถ้าคำกริยาคำไหนลงท้ายด้วย e ก็เติม d ได้เลย
ส่วน Irregular Verb หรือกริยาไม่ปกติ คือ กริยาที่เปลี่ยนรูปไปเลยทั้ง 3 ช่อง หรือไม่ ก็เขียนเหมือนกันไปเลยทั้ง 3 ช่อง นั่นเอง
ที่มา: dictionary