เพราะการเรียนรู้ไม่ควรถูกตีกรอบไว้แค่หลักวิชาการเช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือการเรียนภาษา ด้วยความเชื่อที่ว่าเด็กๆ ควรได้ทดลองและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ นอกการกวดวิชา ทำให้หลายโรงเรียนบนโลกใบนี้คิดค้นหลักสูตรที่ทั้งน่าสนใจและสนุกสนานขึ้นมาอย่างมากมาย
ตัวอย่างเช่นวิชาเรียนเหล่านี้ที่นอกจากจะปลูกฝังทักษะแปลกใหม่ให้กับเด็กๆ ที่เข้าร่วมในชั้นเรียนแล้ว ยังทำให้พวกเขามีไฟในการเรียนรู้ทุกวันอีกด้วย
ประเทศเยอรมนี มีชั้นเรียนที่สอนวิชาแห่งความสุข
คนเราจะมีความสุขได้อย่างไร? นี่คือพอยท์สำคัญที่ชั้นเรียนนี้อยากจะสอนให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ ที่นี่ เด็กทุกคนจะได้ทำความรู้จักกับตัวเองและโลกอันกว้างใหญ่ ไม่มีการสอบ หรือการทดสอบใดๆ
ในระหว่างการเรียนรู้นี้นักเรียนทุกคนจะได้รับโปรเจ็คให้ไปคิดโครงการเพื่อส่วนรวมและทำให้คนอื่นมีความสุขมากยิ่งขึ้น เช่นการเป็นอาสาสมัคร หรือจัดกิจกรรมการกุศล โดยวิชานี้มีเปิดสอนในโรงเรียนทั่วประเทศกว่า 100 แห่ง
ในสหรัฐอเมริกามีวิชาการสำรวจ
นักเรียนที่เรียนวิชานี้จะได้เดินทางไปยังส่วนต่างๆ ของเมือง เช่นว่า ฟาร์มท้องถิ่น ตลาด ร้านอาหาร หรือโรงบำบัดของเสีย เพื่อเรียนรู้ถึงกระบวนการต่างๆ
ในวิชานี้จะเรียนสัปดาห์ละครั้ง ใช้เวลาทั้งหมด 5 ชั่วโมง โดยที่คุณครูจะสอนทฤษฎีให้พวกเขา เช่นว่า ถ้าเรียนเรื่องอาหาร ครูก็จะสอนให้รู้ว่าอาหารมาจากไหน และราคาต้นทุนของอาหารแต่ละชนิดมีเท่าไหร่ ฯลฯ
หลังจากที่ได้เรียนรู้แล้ว เด็กๆ จะต้องเปิด “ร้านอาหาร” ของตัวเองพร้อมเตรียมทั้งวัตถุดิบ แบ่งหน้าที่ต่างๆ พร้อมพัฒนาแนวคิดว่าจะทำอย่างไรให้ร้านนี้ทำกำไร การทำความสะอาด การเก็บรักษาวัตถุดิบและอื่นๆ รวมไปถึงการจ้างพนักงานด้วย
ที่ประเทศสเปนมีวิชาการสื่อสาร
นักเรียนชาวสเปนที่มีอายุ 3 – 11 จะได้เข้าร่วมชั้นเรียนการสื่อสารผ่านการดูภาพยนตร์และร่วมพูดคุยถึงประเด็นต่างๆ เช่น การสื่อสารกับผู้อื่นเป็นอย่างไร การแก้ปัญหาเกี่ยวกับการสื่อสารจะทำได้อย่างไร เด็กๆ จะได้เรียนรู้ที่จะฟังและควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ในทุกสัปดาห์พวกเขาจะมาหารือเกี่ยวกับปัญหาสังคมที่กำลังเป็นประเด็น
ที่ประเทศสวีเดนมีวิชาการให้บริการทำความสะอาดและการดูแลลูกค้า
การทำความสะอาดเป็นศาสตร์และศิลป์ที่น่าสนใจ ที่สวีเดน วิชานี้ไม่ได้เจาะจงให้เด็กผู้หญิงเข้าร่วมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเด็กผู้ชายด้วย ทุกคนจะได้เรียนรู้ที่จะทำงานบ้าน การตัดเย็บเสื้อผ้า และการปรุงอาหารเพื่อสุขภาพ รวมไปถึงการควบคุมงบประมาณที่ใช้ในแต่ละวัน พวกเขาจะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้ใหญ่เพื่อให้พึ่งพาตัวเองได้ และเรียนรู้สิทธิของตัวเอง
ที่เกรทบริเตนมีการสอนชั้นเรียนป่าไม้
เด็กๆ จะได้รู้จักความผูกพันกับธรรมชาติตั้งแต่ยังเด็ก สามารถปรับตัวให้อาศัยอยู่ร่วมกับป่าได้ และถูกสอนวิธีเอาตัวรอดเช่นการจุดไฟ ตั้งแคมป์ แยกพืชและเห็นที่กินได้ การสร้างกระท่อม หรืออื่นๆ ที่จำเป็น
ที่เนเธอร์แลนด์และอิสราเอลมีชั้นเรียนอภิปรายให้เด็กๆ ได้เข้าร่วม
ในเนเธอร์แลนด์ วิชานี้จะถูกสอนในชั้นเรียนภาษา เด็กๆ จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ทีมเพื่อแบ่งปันมุมมองและครูจะประเมินการให้เหตุผลในแต่ะหัวข้อ สิ่งที่พวกเขาจะได้เรียนรู้ในชั้นนี้คือการใช้เหตุผลและการควบคุมอารมณ์ที่จะไม่รังแกคนอื่นด้วยคำพูด รวมถึงเรียนรู้ที่จะอดทนเพื่อรับฟังคนอื่นๆ
ส่วนในอิสราเอลวิชานี้จะสอนเทคนิคการพูด ภาษากาย และการสื่อสารจากความรู้สึกภายในระหว่างการโต้แย้งเพื่อให้เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
ที่อิสราเอลมีวิชาความปลอดภัยบนโลกออนไลน์
เมื่อผู้ใหญ่ไม่สามารถป้องกันเด็กๆ จากโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา พวกเขาเลยต้องหาทางสอนให้เด็กๆ ป้องกันตัวเองจากเนื้อหาบนโลกออนไลน์ รู้วิธีคัดกรอง และการรักษาความปลอดภัยของตัวเอง
นอกจากนี้เด็กๆ ยังได้เรียนรู้วิธีหลีกเลี่ยงการถูกแฮ็คจากแฮ็คเกอร์ วิธีหลีกเลี่ยงการทำให้คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนติดไวรัส และวิธีปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขา มีการพูดคุยถึงประเด็นการติดเกมที่จะหาทางออกร่วมกันในชั้นเรียนนี้ด้วย
ในประเทศจีนมีวิชาปัญญาประดิษฐ์
ชั้นเรียนปัญญาประดิษฐ์ได้รับการสอนในโรงเรียนประถมและมัธยมในประเทศจีน แม้ว่าจะเป็นวิชาใหม่ แต่ก็น่าสนใจมากๆ เด็กๆ จะได้เรียนรู้ตั้งแต่ประวัติความเป็นมาของการพัฒนา AI วิธีการใช้งานไปจนถึงการสร้างหุ่นยนต์เพื่อฝึกฝนภาคปฎิบัติ
ในเกรทบริเตน สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย มีวิชาโยคะ
โยคะช่วยลดความเครียดและเสริมสร้างสมาธิ ทำให้โรงเรียนมัธยมของอังกฤษ ออสเตเลีย และอเมริกันจัดชั้นเรียนนี้ให้เด็กๆ เข้าร่วม ใช้เวลา 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 40 นาที ในการเรียนการสอน พวกเขาพบว่ามันช่วยให้เด็กๆ สามารถฝึกความอดทนและเรียนรู้การจัดการกับความขัดแย้งได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังรู้วิธีที่จะสื่อสารด้านอารมณ์โดยไม่ทำร้ายผู้อื่น
นักเรียนจะได้ฝึกหายใจ การทำใจให้สงบ และการสื่อสารที่ไม่ใช้ความรุนเเรง ทั้งยังรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่นได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และฮาวายมีวิชาเล่นเซิร์ฟ
ทั้งสามประเทศนี้มีชายฝั่งที่มีคลื่นและนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี เด็กๆ จึงจะได้เรียนรู้ในการเล่นกระดานโต้คลื่น การเก็บรักษาอุปกรณ์ และการดูแลรักษาความปลอดภัยของตัวเอง
กีฬานี้ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย แต่ยังสอนให้เด็กๆ ใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติรวมถึงควบคุมจิตใจของตัวเอง สำหรับเด็กๆ ที่ไม่ได้เรียนวิชานี้ จะมีวิชาว่ายน้ำสอนให้ทดแทน
เป็นวิชาที่น่าสนุกขนาดที่ว่าแม้แต่ผู้ใหญ่ยังอยากลงทะเบียนกลับไปเรียนด้วยอีกครั้งจริงๆ หากบ้านเรามีอะไรแบบนี้บ้าง น่าจะช่วยให้การศึกษาในประเทศพัฒนาไปอีกขั้น ทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เปิดโลกความคิดให้กว้างกว่าเดิมอย่างแน่นอน :)
ที่มา: brightside