กลับมาที่ห้องเรียนภาษาอังกฤษกันอีกครั้ง วันนี้นำเสนอในส่วนคำศัพท์มีเสียงหรือลักษณะการใช้งานที่คล้ายคลึงกัน แต่จริงๆ แล้วคำเหล่านี้ค่อนข้างมีความหมายแตกต่างกัน ซึ่งหลายคนมักใช้ผิดหรือใช้สับสนปนๆ กันไป
1. Depilation / epilation
ทั้งสองคำนี้หมายถึงกระบวนการกำจัดขนตามร่างกาย
–Depilation หมายถึงการกำจัดขนแค่บริเวณพื้นผิวโดยไม่ทำลายรูขุมขน เรียกได้ว่าเป็นกระบวนการที่ไม่ทำลายโครงสร้างของขนเลยนั่นเอง โดยอยู่ได้เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วัน
–Epilation คือการกำจัดขนแบบถึงรากถึงโคน รวมทั้งส่วนที่อยู่ใต้ผิวหนัง ซึ่งทำลายรูขุมขนทำให้ขนเกลี้ยงเกลาอยู่ได้หลายวันหรือหลายสัปดาห์
2. Psychotherapist / psychiatrist / psychologist
–Psychologist เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีปริญญาเอกในด้านจิตวิทยา โดยทำงานในสายงานจิตวิทยา (เช่น จิตวิทยาพัฒนาการ)
–Psychiatrist มีปริญญาด้านแพทยศาสตร์ เชี่ยวชาญทางด้านความผิดปกติทางจิตและการรักษา
–Psychotherapist เป็นได้ทั้งจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาโดยขึ้นอยู่กับระดับการศึกษา ช่วยเหลือผู้ป่วยให้เอาชนะปัญหาในระดับเบสิคจนถึงปานกลาง เช่น ความผิดปกติทางจิต ภาวะซึมเศร้า โรคการกินผิดปกติ และความหวาดกลัว เป็นต้น
3. Antiperspirant / deodorant
Antiperspirants และ Deodorants ช่วยในการระงับกลิ่นกายและเหงื่อที่ไม่พึงประสงค์ แต่คำทั้งสองนี้มีจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน
–Antiperspirant เป็นตัวที่จะไปอุดตันรูขุมขน ดังนั้นจึงช่วยป้องกันเหงื่อได้
–Deodorant ควบคุมกลิ่นไม่พึงประสงค์ใต้วงแขน นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นยาฆ่าเชื้อที่ส่งผลต่อแบคทีเรีย
4. Disinfection / sterilization
–Disinfection เป็นกระบวนการลดปริมาณจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายจากวัตถุที่ไม่มีชีวิต หรือพื้นผิวต่างๆ
–Sterilization เป็นกระบวนฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ทั้งหมด ไม่ว่าจะอันตรายหรือไม่อันตราย
5. Concealer / corrector
เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปกปิดร่องรอยบนใบหน้า
–Concealer ใช้สำหรับปกปิดจุดด่างเล็กๆ และใช้จัดการกับถุงใต้ตา หรือใช้เพื่อเน้นรูปร่างริมฝีปาก โดยใช้คอนซิลเลอร์หลังการทารองพื้น
–Corrector ใช้สำหรับจัดการรอยสิว หรือสีคล้ำตามผิวหนังที่ผิดปกติ หรือรอยแดง ซึ่ง corrector ค่อนข้างหนาและมีโทนสีหลายโทน
6. Airport / airfield
– Airfield คือลานบิน หรือ Taxiway (เป็นถนนในสนามบิน)
–Airport ใช้กล่าวถึงทางวิ่งเครื่องบิน เป็นสถานที่ที่มีร้านรวงอยู่ภายใน มี Taxiway สำหรับเครื่องบิน และมีหลายสิ่งหลายอย่าง ดูได้จากภาพเปรียบเทียบด้านล่าง
7. Hair conditioner / hair balm
–Conditioner ใช้ปกป้องเส้นผมจากมลภาวะ และครีมนวดผมควรใช้แค่ปลายไม่ควรปล่อยให้ซึมจนถึงโคนผม
–Balm ปกป้องและบำรุงเส้นผม มีส่วนประกอบที่สำคัญ เช่น น้ำมัน และแร่ธาตุที่ทำให้ผมเรียบลื่น สำหรับ balm ใช้ได้ตั้งแต่โคนจดปลาย และทิ้งไว้ 4 นาทีก่อนล้างออก
8. Herbs / spices / seasonings
–Herbs เป็นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มกลิ่นให้กับจานอาหาร อาจเผ็ดร้อนบ้างนิดหน่อย ซึ่งเรามักจะเรียกสมุนไพรว่าเครื่องเทศโดยไม่ตั้งใจ
–Spices หรือเครื่องเทศนั่นเอง เป็นตัวที่ช่วยเพิ่มรสชาติสุดเข้มข้นให้อาหาร (น้ำส้มสายชู หรือกรดซิตริก) หรือเปลี่ยนรสชาติให้อาหาร (เกลือ, น้ำตาล) หรือเปลี่ยนเนื้อสัมผัส (ยีสต์, แป้ง) นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ เบกกิ้งโซดา เจลาติน ชะเอม และกรดบอริกก็ถือเป็นเครื่องเทศเช่นกัน
–Seasoning หรือเครื่องปรุงรส เป็นคำที่ค่อนข้างกว้างอาจหมายรวมถึงทั้งสมุนไพรและเครื่องเทศ เมื่อเราใส่ครีมเปรี้ยวลงไปในเห็ด ครีมเปรี้ยวก็ทำหน้าที่เป็นเครื่องปรุงเช่นกัน นอกจากนี้ ซอส ซอสมะเขือเทศ และเครื่องเทศอบแห้งก็ถือเป็นเครื่องเทศเช่นกัน
9. Coup / revolution
ทั้งสองคำนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ
–Coup คือรัฐประหาร
–Revolution คือการปฏิวัติ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนกว่า และจบลงด้วยการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงในสังคม ส่งผลให้เกิดการทำลายระเบียบสังคม และสร้างแบบแผนขึ้นมาใหม่
10. Perfume / au de parfum / eau de toilette
–Perfume มีราคาแพงกว่าเนื่องจากมีสารอะโรมาติก 20% – 30% ต่อขวด นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้หอมติดทนนานกว่า ซึ่งโดยทั่วไปขวดจะมีขนาดค่อนข้างเล็ก
–Eau de parfum ประกอบด้วย 12% – 20% ของสารอะโรมาติกที่ละลายในแอลกอฮอล์ 90%
–Eau de toilette ประกอบด้วย 6% – 12% ของสารอะโรมาที่ละลายในแอลกอฮอล์ 85% โดยทั่วไปจะฉีดหลายครั้งต่อวัน
ที่มา: brightside