วิทยาศาสตร์ได้ให้คำตอบในสิ่งที่เกิดขึ้นมากมายบนโลกใบนี้ ทั้งการเกิดดวงอาทิตย์หรือแม้กระทั่งการค้นพบดวงดาว แต่ในทางกลับกันก็ยังมีเรื่องราวอีกนับไม่ถ้วนที่ยังรอการค้นหาและศึกษาโดยนักวิทยาศาสตร์ รวมไปถึงการค้นพบสิ่งใหม่ๆ ที่ช่วยพิสูจน์ข้อสงสัยและสามารถทำลายล้างความเชื่อที่เรามีมานานเป็นสิบๆ ปี อย่างที่เราคาดไม่ถึงเลยทีเดียวเหมือนกับเรื่องราวที่เราได้คัดมาให้ทุกคนได้อ่านกันในวันนี้ค่ะ
และนี่ก็คือ 10 ความจริงเกี่ยวกับโลก ที่เราเข้าใจผิด และอาจจะเปลี่ยนความเชื่อคุณจากหน้ามือเป็นหลังมือได้อย่างไม่น่าเชื่อ แล้วสิ่งที่เราเข้าใจมาตลอดชีวิตนั้นจะผิดจริงหรือเปล่า เราลองไปอ่านกันเลยค่ะ
1. ยอดเขาเอเวอเรสต์ ไม่ใช่ ภูเขาที่สูงที่สุดในโลก
แม้ยอดเขาเอเวอเรสต์จะสูงจากระดับน้ำทะเลมากที่สุด แต่ตำแหน่งภูเขาที่สูงที่สุดในโลกตกเป็นของภูเขาไฟเมานาเคอา (Mauna Kea) ภูเขาที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 4,205 เมตร
แต่ถ้าหากวัดจากฐานถึงจุดสูงสุดแล้ว ภูเขาลูกนี้จะสูงถึง 10,203 เมตร ซึ่งถือว่าสูงกว่าภูเขาเอเวอเรสต์ถึง 1,355 เมตรเลยทีเดียว
2. ชั้นบรรยากาศของโลกเราก็มีขอบเขต
ขอบเขตที่ว่านี้ก็คือ Kármán line เป็นเส้นที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 100 เมตร แม้ว่าจุดสิ้นสุดของชั้นบรรยากาศของโลกจะอยู่สูงกว่า แต่เส้นนี้ก็ได้รับการยืนยันจาก The World Air Sports Federation ให้เป็นเส้นที่แบ่งเขตระหว่างชั้นบรรยากาศและนอกโลก
3. พื้นที่ที่แห้งแล้งที่สุดในโลกอยู่ที่ทวีปแอนตาร์กติกา
ก่อนหน้านี้เราเชื่อว่า พื้นที่ที่แห้งแล้วที่สุดในโลกอยู่ที่ทะเลทรายอาตากามา (Atacama Desert) ในประเทศชิลีซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่มีฝนตกลงมากว่าหลายพันปีแล้ว แต่ที่ McMurdo Dry Valleys ในทวีปแอนตาร์กติกาถูกค้นพบว่าไม่มีฝนตกในพื้นที่กว่า 2 ล้านปีแล้ว ความเร็วลมในพื้นที่ก็สูงถึง 320 กม./ชม.
4. สัดส่วนน้ำทั้งหมดบนโลกใบนี้มีน้ำจืดอยู่เพียง 3% เท่านั้น
มหาสมุทรและทะเลมีน้ำ 97% ของโลก ส่วนอีก 3% ที่เหลือคือน้ำจืด (ที่ใช้ได้แค่ 10% ที่เหลืออยู่ในธารน้ำแข็ง 70% และอยู่ในทะเลสาบไบคาลอีก 20%)
5. วัดที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีอายุ 12,000 ปี
Göbekli Tepe ตั้งอยู่ในตอนใต้ของประเทศตุรกี เป็นวัดที่มีอายุมากที่สุดในโลก โดยนักวิจัยเชื่อว่า ลายที่แกะสลักบนเสาหินเป็นหลักฐานที่แสดงว่าเมื่อ 11,000 ปีที่แล้ว การปะทะของดาวหางทำให้โลกของเรามีอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว
6. ดวงจันทร์เคยเป็นส่วนหนึ่งของโลก
นักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดนกล่าวว่า ประมาณ 4.36 พันล้านปีที่แล้ว โลกของเราได้พุ่งชนกับดาวเคราะห์ Theia ทำให้เกิดการก่อตัวของดวงจันทร์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
7. ในอีก 250 ล้านปี ทวีปต่างๆ บนโลกจะรวมตัวกันอีกครั้ง
ดังที่เราเคยรู้กันว่า มหาทวีปพันเจีย ได้แยกออกจากกันเมื่อ 335-175 ล้านปีก่อน โดยแยกออกเป็นสองทวีปคือ Laurasia และ Gondwana จากนั้นก็ได้แยกออกอีกทั้งหมด 7 ทวีปดังเช่นทุกวันนี้
แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังเชื่อว่าในอีก 250-300 ล้านปี ทวีปที่แยกออกจากกันนี้จะรวมตัวอีกครั้งโดยมีชื่อเรียกว่า Pangaea Ultima
8. สัตว์เซลล์เดียวก่อให้เกิดการสูญพันธุ์ครั้งยิ่งใหญ่
นักวิทยาศาสตร์จาก Massachusetts Institute of Technology อธิบายทฤษฎีการสูญพันธุ์ครั้งยิ่งใหญ่ของสิ่งมีชีวิตบนโลกกว่า 90% ว่าแบคทีเรียชื่อ Methanosarcina ที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรเมื่อ 252 ล้านปีก่อนเป็นต้นเหตุให้เกิดการสูญพันธุ์ ซึ่งส่งผลให้สัตว์ตระกูลอาร์โคซอร์ (Archosaur) พัฒนามาเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างจระเข้ในปัจจุบันด้วย
9. พื้นที่ส่วนใหญ่ของโลกอยู่ในความมืดตลอดเวลา
โลกของเรามีพื้นที่ที่เป็นมหาสมุทรกว่า 71% แสงสว่างสามารถส่องลงไปในน้ำได้เพียง 200 เมตร ดังนั้นพื้นที่ที่เหลือจึงตกอยู่ในความมืด
10. ประเทศที่เป็นเพื่อนบ้านกัน แต่มีเขตแบ่งเวลาที่แตกต่างกันได้ถึง 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงที่ว่าอเมริกันซามัวอยู่ห่างจาก Line Islands ที่เป็นส่วนหนึ่งของประเทศคิริบาส เพียง 2,000 กิโลเมตร แต่ความแตกต่างของเขตแบ่งเวลาระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านถึง 25 ชั่วโมง เพราะข้ามเส้นแบ่งเวลาพอดีนั่นเอง
ที่มา: brightside.me