ใครที่ยังไม่ได้หางาน รอประกาศผล หรือยังหางานไม่ได้ก็แล้วแต่ ฟังทางนี้เลยนะคะ … ช่วงนี้ถือได้ว่าเป็นช่วงแย่ๆช่วงนึงของชีวิตเราเลยล่ะ ที่เราต้องรัดเข็มขัดให้กับการใช้ชีวิตอย่างที่สุด มาดูกันเลยค่ะว่าเราจะผ่านช่วงนี้ไปได้อย่างไรบ้าง
1.คิดบวกเข้าไว้
แม้คุณจะส่งเรซูเม่ไปหลายบริษัท แต่ก็ยังไม่มีที่ไหนเรียกสัมภาษณ์ หรือ ไปสัมภาษณ์มาหลายที่แต่ก็ยังไม่มีบริษัทไหนรับเข้าทำงานเสียที การคิดในเชิงบวกจะทำให้คุณเกิดความเชื่อมั่นในตนเอง ตรงกันข้ามการท้อแท้ และคิดในแง่ลบจะทำลายความมั่นใจของคุณ
ซึ่งจะส่งผลต่อทุกการตัดสินใจและทุกการกระทำในอนาคตของคุณ และอาจทำให้คุณพลาดโอกาสการได้งานไปโดยปริยาย เช่น การมีทัศนคติในแง่ลบ หรือความไม่มั่นใจในตัวเอง จากการไม่ผ่านการสัมภาษณ์งานหลายๆครั้ง จะทำให้คุณเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง และโทษตัวเองว่าไม่มีความสามารถเพียงพอ ทั้งที่ความเป็นจริง การไม่ได้งานอาจมีปัจจัยอื่นเป็นสาเหตุ นานๆเข้า อาจทำให้คุณ ไม่กล้าลองสมัครงานในบางตำแหน่ง เพราะคุณถูกกรอบความคิดครอบงำอยู่ เช่น “ฉันสมัครตำแหน่งนี้ไม่ได้หรอก มันยากเกินไป” ทั้งๆที่คุณยังไม่เคยลองสมัครดูเลย
จำไว้ว่าคุณไม่มีอะไรจะเสีย แม้คุณจะไม่ได้งานในตำแหน่งนั้น แต่คุณก็ยังได้ฝึกฝนการตอบคำถามสัมภาษณ์งาน หรือผ่านการสัมภาษณ์งานในหลายๆรูปแบบ และนี่จะหล่อหลอมเป็นประสบการณ์ให้กับคุณผ่านช่วงเวลาการตกงานนี้ไปได้ ถ้าคุณมัวจมอยู่กับความคิดในแง่ลบ อย่าอยู่คนเดียว ให้หากำลังใจ จากคนอื่น เช่น ใช้เวลากับครอบครัว หรือเพื่อนสนิทที่สามารถให้คำปรึกษาในเชิงบวกกับคุณได้
2. ใช้จ่ายอย่างประหยัด
ถ้าคุณไม่มีรายได้ เพราะคุณยังไม่มีงานทำ คุณต้องเรียนรู้ที่จะใช้จ่ายอย่างประหยัดให้เหมาะสมกับสภาพทางการเงินของตัวคุณ ลองพิจารณาตัดรายจ่ายในส่วนที่ฟุ่มเฟือย ออกไปถ้าทำได้ เพื่อไม่ให้คุณติดนิสัยใช้เงินเกินพอดี โดยเฉพาะคนที่เพิ่งจบการศึกษาใหม่ ที่ยังอาจพึ่งพาผู้ปกครองอยู่ ช่วงเวลาที่คุณยังไม่มีงานทำนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการฝึกวินัยในการใช้เงิน เพื่อที่เวลาคุณได้งาน มีเงินเดือน คุณจะสามารถใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ใช้เวลาพบปะผู้คนเพื่อสร้างเครือข่าย
การทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่หรือเก่า จากกลุ่มที่หลากหลายอาจช่วยให้คุณได้งานทำ เช่น งานเลี้ยงรุ่นศิษย์เก่า Job Fair ที่จัดตามมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยงานประเภทนี้จะมีการประชาสัมพันธ์ผ่านทางสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อออนไลน์ งานประชุม สัมมนาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสาขาอาชีพที่คุณสนใจ ใครจะไปรู้ คุณอาจจะได้งานที่ตรงใจของคุณ จากความสัมพันธ์ของคนที่เพิ่งรู้จักกันโดยบังเอิญก็เป็นได้
4. ศึกษาต่อ
การศึกษาต่อในระดับชั้นการศึกษาที่สูงขึ้นอาจะดูไม่ใช่คำแนะนำที่เกี่ยวกับการหางานที่ตรงสักเท่าไร อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณมีสาขาวิชาที่สนใจอยู่แล้ว ก็ลองพิจารณาดูทางเลือกจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ในช่วงที่ว่างงานอยู่ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลว แต่ถ้าการเรียนต่อไม่ใช่แนวของคุณ ก็ไม่ต้องฝืน เพราะการเรียนต้องอาศัยความทุ่มเท พลังงานมหาศาล และเงินจำนวนไม่น้อย
5. หาอะไรทำให้ยุ่งๆเข้าไว้
หากคุณยังหางานทำไม่ได้เสียที อย่าปล่อยวันเวลาให้ผ่านเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ ถึงไม่มีงานประจำ แต่คุณก็สามารถทำงาน part-time ได้ หรือไม่ก็ลงคอร์สฝึกอบรมในเรื่องที่สนใจ ประสบการณ์อื่นๆนอกเหนือไปจากประสบการณ์การทำงานก็อาจปูทางไปสู่อาชีพที่คุณอยากทำในอนาคตได้เช่นกัน
6. ขยายขอบเขตการหางานให้กว้างขึ้น
บางคนหางานไม่ได้เพราะเลือกงาน ซึ่งอาจมาจากการจำกัดวงในการหาตำแหน่งงานที่แคบเกินไป เช่น สาขาอาชีพ หรือสถานที่ตั้งของบริษัท เช่น ถ้าหากคุณไม่อยากทำงานไกลบ้าน คุณจะพลาดการได้งานในบริษัทที่อาจจะมีตำแหน่งงานที่คุณต้องการไป ครั้งต่อไปที่หางานลอง ขยายขอบเขตของการหางานให้กว้างขึ้นกว่าเดิมสักเล็กน้อย เช่นลองดูบริษัทที่แม้จะอยู่ไกลจากที่พักของคุณ แต่มีการเดินทางที่สะดวก หรือ ดูตำแหน่งงานที่อาจจะไม่ตรงกับที่คุณอยากจะทำงานโดยตรง แต่คุณประเมินคร่าวๆแล้วว่าคุณสามารถทำได้
7. พัฒนาทักษะที่ขาด
ทุกครั้งที่ไม่ผ่านการสัมภาษณ์งาน ให้กลับมาทบทวนตัวเองว่าเรายังขาดทักษะในด้านใดบ้าง ทั้งนี้คุณอาจจะให้เพื่อนๆ หรือ คนในครอบครัวช่วยสมมติว่าเป็นผู้สัมภาษณ์ เพื่อที่คุณจะได้ฝึกตอบคำถามให้คล่อง เพื่อสร้างความมั่นใจก่อนการสัมภาษณ์งานในครั้งต่อๆไป
8. เป็นอาสาสมัคร หรือหาประสบการณ์ด้วยการทำงานแบบไม่รับค่าจ้าง
ในธุรกิจบางสาขาจะมีการเปิดรับพนักงานอาสาสมัครเข้ามาฝึกงานกับบริษัทโดยไม่จ่ายค่าจ้าง ซึ่งถ้าคุณเลือกทำงานตำแหน่งนี้ สิ่งที่คุณจะได้ แน่นอนว่าไม่ใช่เงิน แต่เป็นประสบการณ์ สรุปก็คือ ถ้าคุณยังหางานที่จ่ายเงินเดือนให้คุณไม่ได้ คุณก็ยังจะสามารถหาประสบการณ์ในการทำงานได้อยู่ดี
ไม่แน่ว่าถ้าคุณทำงานได้ดีคุณอาจจะได้รับการพิจารณาให้เป็นพนักงานประจำที่มีเงินเดือนก็ได้ นอกจากนี้การทำงานเป็นอาสาสมัคร สำหรับองค์กรการกุศล ก็ทำให้คุณได้ประสบการณ์การทำงานร่วมกับผู้อื่น หรือได้พบปะผู้คนในสภาพแวดล้อมใหม่ ได้เรียนรู้การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า รวมถึงการเห็นมุมมองที่แตกต่างจากองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร เป็นการเปิดโลก พบเจอประสบการณ์ใหม่ๆที่มีคุณค่าไม่แพ้การทำงานประเภทอื่นๆ
9. เริ่มต้นทำธุรกิจ
หากคุณคิดว่าการเป็นพนักงานบริษัทที่ต้องทำตามคำสั่งของคนอื่นไม่ใช่สิ่งที่คุณชอบ ก็กำหนดอนาคตของตัวคุณด้วยการสร้างธุรกิจเองเสียเลย เริ่มต้นจากสิ่งที่คุณมีความรู้ความชำนาญเป็นทุนเดิม ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมแล้ว เริ่มลงมือเมื่อมีความพร้อม ไม่แน่ว่า คุณอาจจะเป็นเจ้าหน้าตัวเองได้ดีกว่าการเป็นพนักงานออฟฟิศก็เป็นได้
10. เขียนบล็อกหรือ ทำเว็บไซต์
หากคุณเป็นคนที่มีแรงบันดาลใจในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งและต้องการแบ่งปันเรื่องราวนั้นๆให้คนอื่นได้รับรู้ ลองบอกเล่าเรื่องราวผ่านการเขียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำอาหาร การเงิน กีฬาที่ชื่นชอบ หรืออัพเดทเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ๆ คุณสนใจในเรื่องไหนก็เขียนในเรื่องนั้น การเขียนเรื่องราวในประเด็นที่คุณสนใจนี้เองจะทำให้คุณเกิดความมุ่งมั่นและความใส่ใจอย่างต่อเนื่อง หรือถ้าคุณหลงรักการเขียนอย่างจริงจัง คุณอาจสร้างรายได้จากสิ่งนี้ก็เป็นได้
อย่าเพิ่งให้ความเครียดมาทำลายสุขภาพจิตเราเลยนะคะ ช่วงนี้เป็นช่วงแห่งความเวิ้งว้าง และการรอคอย หากเพื่อนๆคิดบวกและทำประโยชน์ต่อสังคม วันหนึ่งเพื่อนๆจะมีรากฐานการงานที่มั่นคงแน่นอน
ที่มา: eduzones