“สะอึก” เป็นอาการที่เกิดขึ้นโดยฉับพลันและบ่อยครั้งก็หายไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่กวนใจเรามาก อาการสะอึกเกิดจากการที่กระเพราะอาหารได้รับการระคายเคือง เส้นประสาทจึงทำงานผิดปกติส่งผลให้กะบังลมหดเกร็งเป็นจังหวะ โดยวันนี้เรามีวิธีจัดการภาวะสะอึกได้อย่างมีประสิทธิภาพมาฝากกัน
1. อุดหู
ใช้นิ้วอุดหูของตัวเองประมาณ 20-30 วินาที กดบริเวณใบหูส่วนล่างตรงฐานกะโหลกศีรษะ ซึ่งการทำเช่นนี้เป็นการส่งสัญญาณผ่อนคลายผ่านเส้นประสาท Vagus Nerve ซึ่งเชื่อมต่อกับกะบังลม
2. จิบน้ำ
การดื่มน้ำโดยใช้หลอดดูดเป็นการผ่อนคลายเส้นประสาท ซึ่งการกลั้วคอด้วยน้ำอาจเป็นวิธีที่ให้ผลเหมือนกัน ซึ่งเทคนิคนี้จะช่วยให้หยุดสะอึกหลังจากดื่มไปไม่กี่ครั้ง แต่ในบางกรณีก็อาจจะต้องดื่มต่อสองสามอึก
3. อุดหูพร้อมกับดื่มน้ำ
อุดหูในขณะที่ดื่มน้ำด้วยหลอดดูด ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยได้
4. หายใจด้วยถุงกระดาษ
วิธีนี้จะเพิ่มความดันบางส่วนของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดและทำให้กระบังลมได้รับการสัมผัสที่มากขึ้นในกรณีที่นำออกซิเจนออกมาใช้มาก แต่หากรู้สึกวิงเวียนศีรษะให้หยุดทำ
5. น้ำผึ้งและมะนาว
การเคี้ยวมะนาวหรือการรับประทานน้ำผึ้งด้วยน้ำอุ่นจะช่วยกระตุ้นเส้นประสาท Vagus Nerve และทำให้หายจากอาการสะอึกได้
6. ลองใช้วิธีฝังเข็ม
การฝังเข็มสามารถรักษาอาการสะอึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นวิธีกระตุ้นเส้นประสาทที่มีผลต่อการสะอึกโดยตรง ซึ่งบางคนใช้วิธีนี้เพื่อแก้ปัญหาการสะอึกในระยะยาว
7. กินหวานสักหนึ่งช้อน
กินน้ำตาลหรือเนยถั่วสักหนึ่งช้อนแบบเต็มๆ จะสามารถหยุดอาการสะอึกได้ การเคลื่อนไหวของลิ้นและการกัดเพื่อที่จะกลืนกินสิ่งนั้นทำให้กระเพราะอาหารเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหว
8. แลบลิ้น
อาจเป็นวิธีที่ฟังดูไร้สาระไปหน่อยแต่สามารถแก้ปัญหาอาการสะอึกได้ การแลบลิ้นมีความสัมพันธ์กับช่องเส้นเสียง ซึ่งการเปิดระหว่างสายเสียงจริงจะลดอาการกระตุกซึ่งเป็นสาเหตุของการสะอึก
9. ใช้ดินสอ
คาบดินสอในแนวนอนแล้วจิบน้ำเล็กน้อยจากแก้ว ระวังอย่าให้ดินสอหลุดออกจากปาก ซึ่งวิธีนี้อาจยากสักหน่อยแต่กลับเป็นวิธีที่ดีในการหยุดสะอึก
10. หายใจเข้าออกช้าๆ
โดยวิธีนี้ต้องสูดอากาศเข้าปอดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นผ่อนลมหายใจออกสัก 30 วินาที ทำซ้ำขั้นตอนนี้จนกว่าอาการสะอึกจะหายไป
อาการสะอึกมีได้จากหลายสาเหตุและแน่นอนว่าไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น ซึ่งวิธีเหล่านี้สามารถช่วยคุณให้หายได้ แต่หากอาการสะอึกยังยืดเยื้อนานเกินไปควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
ที่มา brightside