สายฝนที่หล่นลงมาจากฟากฟ้า อาจถูกมองว่าเป็นภาพที่สวยงามสำหรับจิตกร เป็นความชุ่มฉ่ำสำหรับนักเกษตร และอาจเป็นความรู้สึกเหงาๆ สำหรับคนที่กำลังอ้างว้าง
นั่นแค่ในแง่ของความรู้สึกนะ! เพราะความจริงแล้วในแง่ของวิทยาศาสตร์ เม็ดฝนยังเป็นอะไรที่มากกว่าน้ำใสๆ ที่ร่วงลงมาจากก้อนเมฆ บางครั้งมันกลายเป็นกรดที่ทำลายทุกสิ่งที่ต้องสัมผัส หรือบางครั้งคุณเชื่อไหมว่ามันไม่เคยร่วงสู่พื้นเลยแม้แต่น้อย มาไขความลับน่ารู้เกี่ยวกับเม็ดฝนกันเถอะ!!
1. สถานที่ที่ฝนตกน้อยที่สุดในโลกไม่ใช่ทะเลทราย
อาจเพราะมันถูกปกคลุมด้วยน้้ำเเข็ง ทำให้แอนตาร์กติกามีฝนหรือหิมะตกเพียง 6.5 นิ้วต่อปี ส่งผลให้มันกลายเป็นสถานที่ที่ฝนตกน้อยที่สุด
2. ฝนไม่ได้ทำให้ผืนดินเปียกชื้นเสมอไป
ในที่ที่แห้งและมีอากาศร้อน เม็ดฝนที่ตกลงมาจะระเหยก่อนที่จะตกลงสู่พื้น ซึ่งปรากฎการณ์นี้ถูกเรียกว่า “phantom rain” นั่นคือคำอธิบายที่ว่าทำไมคุณเห็นฝนตก แต่พื้นไม่เปียกเลย
3. น้ำฝนทุกหยด ไม่ได้ทำมาจากน้ำทั้งหมด
บนดาวศุกร์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์อื่นๆ ฝนเกิดจากกรดซัลฟิวริกหรือมีเทน ไม่ใช่น้ำ นอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังพบด้วยว่า ในดาวเคราะห์ที่ห่างออกไปถึง 5,000 ปีแสง มีเม็ดฝนที่ตกลงมามีส่วนประกอบเป็นเหล็ก
4. มีวิธีทางวิทยาศาสตร์ที่ทำให้คุณเปียกฝนได้น้อยที่สุด
นั่นก็คือการวิ่งไงล่ะ! มีการทดสอบและพบว่าคุณจะตัวแห้งไวขึ้นเท่ากับความเร็วที่คุณเคลื่อนที่
5. รูปร่างและสีของเมฆช่วยให้คุณสามารถพยากรณ์ฝนได้
โดยทั่วไป ถ้าคุณเห็นเมฆ cumulonimbus หรือเมฆ nimbostratus คุณสามารถมั่นใจได้ว่าฝนจะตกภายใน 24 ชั่วโมง
6. มีเหตุผลที่คุณได้กลิ่นฝน
ความจริงแล้วน้ำเป็นสารประกอบที่ไม่มีกลิ่นและสี แต่ทำไมเราจึงได้กลิ่นฝน? นั่นก็เพราะโมเลกุลที่เรียกว่า geosmin ซึ่งถูกสร้างโดยแบคทีเรียที่อยู่ในดิน เมื่อฝนตก มันจะสร้างช่องอากาศ เมื่อมันตกกระทบลงบนดิน โมเลกุลเหล่านี้จะเข้าไปอยู่ในช่องอากาศเหล่านั้นและกระจายตัวออกไป ทำให้มนุษย์สามารถรับรู้ถึงกลิ่นของธรรมชาติได้
7. ฝนไม่ได้มีรูปร่างเป็น “หยด”
ความจริงแล้วการเรียกฝนว่า “หยดฝน” อาจเป็นคำอธิบายที่ผิด เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ไม่ได้สรุปว่าฝนมีรูปร่างเหมือนหยดน้ำตา
เมื่อโมเลกุลของน้ำควบแน่นและเกาะกันในชั้นบรรยากาศก่อนที่จะตกลงไป พวกมันจะมีรูปร่างเป็นทรงกลมขึ้นหรือน้อยลง และขณะที่กำลังตก เมื่อพบกับความกดอากาศ จะทำให้มันเปลี่ยนเป็นรูปร่างแบนด้านล่าง ก่อนจะจบลงด้วยรูปทรงเหมือนขนมปังแฮมเบอร์เกอร์
8. สหรัฐอเมริกาเคยบันทึกปริมาณน้ำฝนตลอด 24 ชั่วโมงจนเครื่องมือพังเสียหาย
เพียงวันเดียวในเดือนกรกฎาคม ปี 1979 พายุโซนร้อน Claudette ได้นำพาสายฝนเข้ากระหน่ำรัฐเท็กซัส ในเมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่า Alvin จนทำให้เครื่องตรวจวัดปริมาณน้ำฝนพังเสียหาย และได้รับการบันทึกว่าเป็นเมืองที่มีฝนตกมากที่สุดใน 24 ชั่วโมงของสหรัฐอเมริกา
9. บางครั้งคำว่า “ฝน” ก็หมายถึง “เงินตรา”
ในประเทศหนึ่งของทวีปแอฟริกา มีสกุลเงินที่เรียกว่า “pula” ซึ่งหมายความว่า “ฝน” พวกเขาใช้สิ่งนี้เป็นสกุลเงินหลักเพื่อแสดงให้เห็นว่าเงินเป็นสิ่งมีค่าพอๆ กับฝนที่ตกลงได้ยากในประเทศเหล่านี้
10. ฝนตกลงบนโลกมาตั้งแต่อดีตกาล
นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบซากดึกดำบรรพ์ที่มีการทับถมของหยดน้ำค้าง ย้อนกลับไปได้ไกลถึง 2.7 พันล้านปีก่อน
ตามที่ Scientific American รายงานว่า ฝนได้ตกลงมาบนพื้นผิวขี้เถ้าที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ และเมื่อเถ้าเหล่านั้นแข็งตัว ก็เกิดเป็นหลุมเล็กๆ ที่เกิดจากเม็ดฝนเหล่านั้น
ไม่น่าเชื่อว่าแค่ฝนเม็ดเล็กๆ จะมีความน่าสนใจมากมายขนาดนี้ เห็นมั้ยว่าเราสามารถเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้จากรอบตัวเลยนะ :)
ที่มา: rd.com