ใครว่ามลพิษมีอยู่แค่อากาศภายนอก ในบ้านหลังน้อยๆ ของเราก็หาได้ปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้สาเหตุหลักๆ มาจากอุปกรณ์ของใช้ในครัวเรือน
ซึ่งอากาศในบ้านอาจก่อให้เกิดมลพิษได้ถึง 5 เท่ามากกว่าที่ที่เราสูดลมหายใจจากนอกบ้านเสียอีก หนำซ้ำเวลาส่วนใหญ่เกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ของเราก็ใช้กับการอาศัยอยู่ในบ้าน
ความเสื่ยงของมลพิษภายในบ้าน
แหล่งที่มาของมลภาวะที่พบในบ้านอาจทำให้เกิดโรคหอบหืด โรคหัวใจ การอุดตันของเส้นโลหิตที่ไปเลี้ยงสมอง และก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ฉะนั้นมาเซ็กกันดูสิว่าในบ้านของคุณมีสิ่งเหล่าอยู่หรือเปล่า
1. สี
รองประธานอาวุโสของนโยบายระดับชาติที่ American Lung Association กล่าวว่า หลังจากใช้งานทาสีอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วคุณอาจเก็บไว้ในโรงรถ “โดยกระป๋องสามารถปล่อยก๊าซ VOC ในโรงรถทำให้เกิดปัญหาคุณภาพอากาศภายในและภายนอกอาคารที่ส่งผลต่อการหายใจ”
2. สเปรย์ละออง
การศึกษาใหม่ได้ข้อสรุปว่า รายการของใช้ในครัวเรือน เช่น ละอองลอย ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาส่วนบุคคล ทำให้เกิดการปล่อยสาร VOC มากกว่าครึ่งหนึ่งของอากาศในเมือง การลดมลพิษนี้ทำได้โดยหลีกเลี่ยงการใช้สเปรย์ละอองลอยหากเป็นไปได้
3. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
ใครๆ ก็รักบ้านที่สะอาดมีกลิ่นน่าภิรมย์ แต่อุปกรณ์ทำความสะอาดเป็นแหล่งที่มาสำคัญของสาร VOCs สารเคมีสำคัญที่ลอยอวนอยู่ในบ้าน โดย Nolen แนะนำให้ใช้ผลิตภันฑ์ที่ปราศจากน้ำหอม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เช่น น้ำ น้ำส้มสายชู หรือโซดา
4. การซักแห้ง
ผลการศึกษาในปี 2011 พบว่าสารตกค้าง VOC ที่ก่อให้เกิดมะเร็งเรียกว่า perchlorethylene ซึ่งเป็นส่วนประกอบของน้ำยาซักแห้งบางชนิดและสามารถปล่อยสารเหล่านั้นลอยสู่อากาศได้ในเวลาต่อมา
5. เทียน
การสร้างบรรยากาศด้วยกลิ่นหอมยวนใจเป็นตัวเลือกการผ่อนคลายที่ดี แต่กระนั้นเทียนก็ก่อให้เกิดปัญหาอย่างมาก Dr. Colbeck กล่าวว่า “เทียนเป็นแหล่งที่มาของอนุภาคที่ละเอียด อนุภาคละเอียดเหล่านี้มีส่วนสำคัญต่อการสัมผัสกับอนุภาคในร่ม ซึ่งเกี่ยวข้องกับการอักเสบของปอด”
6. น้ำหอมปรับอากาศ
สเปรย์ปรับอากาศเหล่านี้สามารปล่อยสารเคมีได้มากกว่า 100 ชนิด ซึ่งบางส่วนของสารทำให้เกิดการตอบสนองต่อรูปแบบของสารมลพิษใหม่ ค็อกเทลสามารถทำให้เกิดอาการไมเกรน โรคหอบหืด และปัญหาการหายใจได้ กลุ่มงานด้านสิ่งแวดล้อมจึงแนะนำให้เปิดหน้าต่างหากต้องการบรรยากาศที่สดสะอาด
7. เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศ
สำหรับบางพื้นที่ที่ต้องเผชิญกับอากาศหนามจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวในช่วงหน้าหนาว Nolen แนะนำว่าให้ใช้อย่างต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ หากสูงกว่านี้จะก่อให้การเติบโตของเชื้อราและไรฝุ่น ซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้ในที่ร่ม ส่งผลต่อการหายใจ
8. เคาน์เตอร์หินแกรนิต
เคาน์เตอร์หินแกรนิตสามารถผลิตก๊าซเรดอนซึ่งเป็นก๊าซกัมมันตรังสีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เรดอนเป็นสาเหตุสำคัญอันดับสองของโรคมะเร็งปอดในสหรัฐอเมริกา
แต่หินแกรนิตในที่ร่มจะไม่เพิ่มเรดอนอย่างมีนัยสำคัญหากหมั่นสังเกตรอยร้าวในบ้าน เช่น ผนังและพื้น ซึ่งตรวจดูว่าบ้านของคุณมีเรดอนหรือไม่ได้โดยการสั่งซื้อชุดทดสอบเรดอน
9. เตาผิงไม้
ประเทศเขตอากาศที่ร้อนเป็นหลักอย่างเราอาจตัดข้อนี้ออกไปได้ โดย Dr. Colbeck อธิบายว่า การเผาไหม้และทำความสะอาดขี้เถ้าในภายหลังสามารถก่อให้เกิดมลพิษในอนุภาคได้สูง รวมทั้งคาร์บอนมอนอกไซด์ภายในบ้าน ด็อกเตอร์สังเกตว่าจำนวนสสารขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ขนาดของห้อง หรือความสามารถในการระบายอากาศ
10. เตา
เตาแก๊สเป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการทำอาหารที่ใช้งานง่ายและคุ้มค่า แต่เปลวไฟนั้นทำให้เกิดการปลดปล่อยไนโตรเจนออกไซด์ และการปรุงอาหารก็ทำให้เกิดอนุภาคได้ วิธีในการแก้ไขคือใช้ช่องระบายอากาศเหนือเตาไฟและเปิดหน้าต่างในขณะทำอาหาร
11. เครื่องฟอกอากาศ
Nolen กล่าวว่า โอโซนในบ้านอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณ แต่หากกำลังมองหาอุปกรณ์ตัวกรองแนะนำให้เป็นแผ่นกรองรุ่น HEPA Filter นอกจากนี้เธอยังกล่าวเสริมว่าทางออกที่ดีที่สุดในการทำความสะอาดภายในอาคารคือมองข้ามเครื่องฟอกไปซะ
Dr. Colbeck กล่าวว่า คุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงการทำสิ่งเหล่านั้นได้และก็ไม่ควรทำด้วย เพียงแต่ใช้มาตรการบางอย่างเพื่อให้อากาศมีความปลอดภัย
โดยแนะนำให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีตัวกรอง HEPA เปิดหน้าต่างเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปล่อยมลพิษ และถอดรองเท้าไว้ที่หน้าประตู จากนั้นปอดของเราก็จะปลอดภัยตลอดกาล
ที่มา www.rd.com