สวัสดีจ้าเพื่อนๆ ชาว ScholarShip.in.th วันนี้เราก็มีเทคนิคดีๆ ในการเรียนการสอนมาฝากกันอีกแล้ว เกี่ยวกับการทำอย่างไรให้เรียนเก่ง มาดูกันได้เลยนะจ๊ะ
ว่าแล้วก็มาพบกันได้เลยกับ 15 เคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้เพื่อนๆ เรียนเก่งได้อย่างเห็นผล ซึ่งเทคนิคเหล่านี้ล้วนมาจากนักศึกษาชั้นแนวหน้าทั้งนั้นเลยล่ะ ลองมาดูกันว่าพวกเขามีเคล็ดลับอะไรบ้าง
1. พวกเขาไม่ ‘อ่าน’ เฉพาะตำราเรียน
ไม่ใช่ว่าไม่มีประโยชน์นะจ๊ะ แต่การอ่านตำราเรียนทั้งหมด เป็นสิ่งที่ทำแล้วเกิดประสิทธิภาพน้อยมาก เด็กเก่งๆ หัวกะทิส่วนใหญ่พวกเขาจะไม่อ่านตำราเรียนอย่างเดียว แต่จะใช้วิธีลงมือปฏิบัติแทน “แก้โจทย์ปัญหา และการทำแบบฝึกหัด” การหาความรู้เพิ่มเติมจากการใช้ Google, อ่านจากช็อตโน้ต และการหาข้อสอบเก่าๆ มาทำ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดในระยะเวลาอันสั้นมากกว่า
2. ทำความเข้าใจสิ่งที่เรียนและอธิบายให้เป็นคำพูดของเราให้ได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเรียนก็คือ “ความเข้าใจในบทเรียน” นั้นๆ ภายหลังจากที่คุณครูหรืออาจารย์สอนเสร็จ พยายามจดโน้ตย่อบทเรียนสั้นๆ ด้วยคำพูดของเราเอง จับใจความสำคัญของบทเรียน และนำมาวิเคราะห์ให้ได้ว่าสิ่งที่เขียนอยู่ในหนังสือและที่อาจารย์ได้สอนมาอะไรคือ “หัวใจหลัก” อธิบายสั้นๆ ด้วยคำพูดของเราเอง เขียนลงไปในสมุดเพื่อเป็นการสรุปย่อ และยังสามารถนำมาทบทวนก่อนสอบได้อีกด้วย เพียงเท่านี้การเรียนก็จะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุณอีกต่อไป
3. ไม่กลัวที่จะถาม
สำหรับเด็กที่เรียนดีเรียนเก่ง สังเกตได้ว่า “พวกเขาจะไม่กลัวที่จะถาม” เมื่อเกิดความสงสัย หรือไม่เข้าใจตรงส่วนไหนจดคำถามนั้นไว้ แล้วให้อาจารย์ หรือเพื่อนที่เข้าใจอธิบายให้ฟัง จงอย่ากลัวที่จะถามคำถาม “โง่ๆ” และอย่าใช้การท่องจำอย่างไม่เข้าใจ เพราะการเรียนแบบนั้นจะไม่ได้ผลและถือเป็นข้อผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงเลยทีเดียว ที่จริงเพื่อนของเราก็ไม่รู้เหมือนกันนั่นแหละ ฮ่าๆๆๆ
4. เรียนรู้ที่จะชอบตั้งคำถาม
เพราะการตั้งคำถามจะเกิดการเรียนรู้ และการแสวงหาความรู้อยู่เสมอๆ นั่นเอง และนั่นล่ะคือหัวใจหลักที่จะทำให้เราเก่งขึ้น
5. เข้าใจโครงสร้าง ไม่พยายามท่องจำ
เคล็ดลับสำคัญสำหรับเด็กเรียนเก่ง คือ พวกเขาจะพยายามทำความเข้าใจในโครงสร้างต่างๆ ของบทเรียน และเนื้อหานั้นๆ มากกว่าการท่องจำ เพราะการพยายามจำสิ่งต่างๆ มีผลกระทบต่อการจำอะไรไม่ได้เลย เมื่อเราเข้าใจโครงสร้างต่างๆ แล้ว เราก็จะจำได้ไปเอง ต่างจากการท่องจำเพียงอย่างเดียว เมื่อเจอโจทย์หรือข้อสอบที่พลิกแพลงไปจากที่ท่องมาแล้วก็อาจจะทำไม่ได้ เพราะไม่รู้ที่มาที่ไปและวิธีปรับใช้
6. ทดสอบตัวเองบ่อยๆ
การทดสอบตัวเองบ่อยๆ จะทำให้สมองของคุณสามารถเชื่อมต่อกับเนื้อหาใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีนี้จะทำให้คุณรู้ตัวเองได้อย่างทันทีและชัดเจนว่า เรามีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหา บทเรียน ความรู้ใหม่ๆ หรือไม่? คือภายหลังจากเรียนเสร็จแล้ว จะมีการทำแบบทดสอบโดยแบ่งเป็น 5 นาที, 2 วัน และ 2 สัปดาห์ต่อมา จะช่วยให้จำได้แม่นขึ้นมากกว่าการเรียนเพียงอย่างเดียวนะจ๊ะ หรือหาเวลาว่างมาฝึกฝนกันให้มากที่สุดก็ใช้ได้แล้วล่ะ
7. ทำสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากการฟังบรรยายบ้าง
หลายครั้งที่การฟังบรรยายเป็นสิ่งที่น่าเบื่อสำหรับคุณ อาจารย์อาจจะพูดเร็วเกินไปจนคุณจดไม่ทัน หรือพูดช้ามากจนอยากหลับ แต่นี่คือสิ่งที่เด็กเรียนเก่งทำคือ เขามีความอดทนเพราะในห้องเรียนน่ะสำคัญที่สุด เขามักจะอ่านมาล่วงหน้า เกิดการตั้งคำถามจากการอ่านล่วงหน้า โฟกัสไปที่ปัญหาและเนื้อหาที่อาจารย์สอน นี่จะทำให้การฟังบรรยายได้ผลดีเกินคาดเลยล่ะ
8. ใช้เครื่องมือการศึกษาออนไลน์เป็นประจำ
อย่าเชื่อทุกอย่างเพียงเพราะอาจารย์สอน อย่ายึดติดอยู่กับตัวอย่างบนกระดานดำ หรืออ่านแค่ในตำราเรียน ยังมีความรู้อีกมากมายที่เราสามารถหาได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส เด็กเรียนส่วนใหญ่จะหาความรู้เพิ่มเติมจากอินเตอร์เน็ท ก็เป็นเรื่องดีเลยทีเดียว
9. เรียนในระยะสั้นๆ นั้นดีกว่า
การศึกษาในระยะเวลาสั้นๆ มีแนวโน้มที่จะทำให้ตั้งใจเรียนอย่างมุ่งมั่น เพราะอย่างน้อยเราก็จะรู้ว่าอีกสักครู่ก็จะได้พักจากการเรียนแล้ว แน่นอนว่าต้องดีกว่าการเรียนแบบมาราธอนเป็นเวลาหลายชั่วโมงแน่นอน เพราะจะทำให้สภาพจิตใจเราเกิดความเบื่อหน่าย
10. ศึกษาข้อสอบที่ทำผิดทันที
ภายหลังการสอบ อาจารย์มักจะบอกข้อผิดพลาดให้กับนักเรียนทราบ นักเรียนที่เรียนดีส่วนใหญ่มักจะเก็บข้อผิดพลาดของพวกจดลงในสมุดโน้ต พร้อมทั้งพยายามแก้ไขและทำความเข้าใจให้มากขึ้น ไม่เข้าใจจุดไหนก็สามารถถามอาจารย์ได้ทันที จนกว่าพวกเขาจะเข้าใจ และเมื่อเข้าใจแล้ว ก็จะจำข้อที่ผิดได้แม่นยำขึ้น สิ่งผิดพลาดเหล่านี้คือตัวบ่งชี้ “สิ่งที่จะต้องปรับปรุง” นักเรียนนักศึกษาจึงไม่ควรมองข้ามเป็นอันขาด
11. ฝึกฝนภายใต้สถานการณ์ของการสอบจริงๆ
การฝึกฝนภายใต้เงื่อนไขและสถานการณ์จริง อาจเป็นสิ่งที่ทำแล้วได้ผลมากกว่า สำหรับนักเรียนที่เรียนดีเรียนเก่ง แทนที่พวกเขาจะนั่งท่องแต่ตำราเรียน ทำการบ้าน และทำแบบฝึกหัด พวกเขาจะข้ามขั้นมาเป็นการทำแบบทดสอบโดยกำหนดเงื่อนไขให้เหมือนกับสถานการณ์ที่พวกเขาต้องเจอตอนสอบจริงๆ เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับตัวเอง
12. ทำข้อสอบเก่าให้มากเข้าไว้
อีกหนึ่งเคล็ดลับที่เด็กเรียนเก่งกระซิบบอกมาว่า พวกเขามักจะหาข้อสอบเก่าๆ มาทำ ฝึกทำบ่อยๆ จะได้จำแม่นๆ แม้เราจะไม่รู้ว่าแต่ละปี หรือแต่ละเทอมข้อสอบจะออกอะไร แต่แนวข้อสอบส่วนใหญ่ก็จะออกซ้ำๆ แนวเดิมๆ อาจจะเจอคำถามที่คล้ายๆ กัน ที่เราเคยผ่านหูผ่านตามาบ้าง ที่สำคัญข้อสอบเก่าก็เปรียบเสมือนหินลับมีด ลับสมองของเราให้คมกริบ ก่อนลงสนามจริงๆ
13. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเสมอ
หลายคนคงคิดว่าเด็กเรียนเก่งต้องนั่งเรียนอย่างหนักอดหลับอดนอน เพื่ออ่านหนังสือเยอะๆ แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิด เพราะพวกเขานอนเยอะ และพักผ่อนอย่างเพียงพอ จึงทำให้การเรียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
14. อย่าไฮไลท์ทุกอย่าง
การไฮไลท์ที่ดีควรจะเน้นเฉพาะคำสำคัญ ไม่ใช่ทั้งย่อหน้า ถ้าต้องการที่จะเขียนโน้ตเพิ่มเติมบางอย่างให้เขียนแยกออกมา, ขีดเส้นใต้ และเขียนคำอธิบายที่เชื่อมโยงกันเพิ่มไปด้วย หรือถ้าจะให้ดีที่สุด คือการเขียนชอตโน้ตแบบสั้นๆ ด้วยภาษาของคุณเอง เพื่อเป็นการสรุปความเข้าใจไปด้วย นักเรียนบางคนขีดไฮไลท์แทบจะทั้งหน้า จึงไม่เห็นความแตกต่างและจุดสำคัญที่ควรเน้นนั่นเอง
15. มีความรอบคอบ และรับผิดชอบ
สิ่งหนึ่งที่เราจะเห็นได้จากเด็กเรียนดีหลายคนนั่นก็คือ “ความรับผิดชอบ” ที่ทำให้พวกเขาต่างจากเด็กทั่วไป รับผิดชอบต่อการเรียน ทำการบ้าน ทำรายงาน อ่านหนังสือ ทำแบบฝึกหัด รู้หน้าที่ว่าจะต้องทำอะไร วางแผนการใช้ชีวิตของตัวเองได้ ตั้งใจมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงจุดหมายที่ได้ตั้งเป้าไว้ เด็กเรียนเก่งมักมีความรับผิดชอบ นอกจากรับผิดชอบชีวิตแล้ว ในการเรียนและการทำข้อสอบเราก็ต้องมีความรอบคอบสูง อาจมีคนที่เก่งเหมือนกันแต่จะมาเฉือนกันตรงความรอบคอบนี่เองล่ะ!!!
ทีนี้พอทราบกันอย่างนี้แล้วก็อย่าลืมนำไปใช้กันนะจ๊ะ รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน อิอิ
ที่มา: LifeOnCampus