สำหรับการสื่อสารในภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเจ้าของภาษาด้วยแล้ว แน่นอนที่สุดเรื่องปวดหัวสุดๆ เลยเรื่องหนึ่งนั่นก็คือ การใช้สำนวนต่างๆ ของพวกเขานั่นเอง
วันนี้เราเลยได้รวบรวมเอาสำนวนภาษาอังกฤษที่มักพบเจอได้บ่อยๆ มาฝากเพื่อนๆ ให้ได้ชมกันแหละ ว่าแล้วก็มาเรียนรู้และศึกษากันไว้ดีกว่า อิอิ
1. “Twenty-four Seven” เนื่องจากหนึ่งวันมี 24 ชั่วโมง และหนึ่งอาทิตย์ก็มี 7 วัน สำนวนนี้จึงมีความหมายว่า “ตลอดเวลา ทุกๆนาทีของทุกๆวัน” เลยจ้า
2. “Get the ball rolling” ความหมายของสำนวนนี้ก็คือ “เริ่มทำอะไรสักอย่าง” สมมุติว่าถ้าคุณกำลังจะลงมือทำโครงการๆหนึ่ง แล้วมีคนพูดกับคุณว่า “Let’s get the ball rolling” ความหมายของเขาก็คือ “เราเริ่มลงมือกันเถอะ”
3. “Take it easy” ถ้ามีคนพูดกับคุณว่า “I don’t have any plans this weekend. I think I’ll take it easy.” ความหมายของสำนวนนี้ก็คือ “ผ่อนคลาย” หรือ “พักผ่อน” นั่นเอง ผ่อนคลายกันหน่อย อิอิ
4. “Sleep on it” ถ้ามีคนๆหนึ่งพูดว่า “I’ll sleep on it.” ความหมายของเขาก็คือ “ฉันขอใช้เวลาในการตัดสินใจสักหน่อย” เพราะฉะนั้น ถ้ามีคนพูดกับคุณว่า “I’ll get back to you tomorrow. I have to sleep on it.” ความหมายของเขาก็คือ “ฉันขอเวลาตัดสินใจสักหน่อย แล้วจะบอกคำตอบพรุ่งนี้” ประมานนี้นะจ๊ะ
5. “I’m broke.” คำที่มักได้ยินบ่อยๆ ความหมายจริงๆของสำนวนนี้ก็คือ “ฉันไม่มีเงินเลย” หรือ “ถังแตก” นั่นเองจ้า “I’m broke.” เท่ากับ “I have no money-ฉันไม่มีเงินเลย” สำนวนนี้ใช้กันมาก และได้ยินกันบ่อยๆ โดยเฉพาะเราๆ นี่แหละ T^T
6. “Sharp” เมื่อใช้กับเวลา ยกตัวอย่างเช่น “The meeting is at 7 o’clock sharp!” แปลว่า “การประชุมจะเริ่มตอนเจ็ดโมงเป๊ะ” เวลามีคนใช้คำว่า “Sharp” ตามหลังเวลาพูดกับคุณ ความหมายก็คือเขาต้องการย้ำเวลานั้นๆ และบอกคุณว่า “อย่ามาสายนะ” แบบอ้อมๆ อีกด้วย
7. “Like the back of my hand” ที่มาที่ไปก็คือ หลังมือของตัวเอง” เป็นสิ่งที่ตัวเองต้องคุ้นเคยเป็นอย่างดี คุณรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับหลังมือคุณ คุณเห็นอยู่ทุกวัน เพราะฉะนั้นถ้าฉันพูดว่า “I know this city like the back of my hand.” ความหมายของฉันก็คือ “ฉันรู้จักเมืองนี้ดีมากๆ” ประมาณนี้ล่ะจ้า
8. “Give me a hand.” เขาหมายความว่า “Do you want to help me?” สมมุติว่ามีคนๆหนึ่งถือของมา แล้วเขาพูดว่า “Would you give me a hand?” เขาไม่ได้กำลังขอมือของคุณหรอกนะครับ แต่เขาขอให้คุณช่วยตะหากฮ่าๆๆๆ
9. “In ages” ยกตัวอย่างเช่นใช้ในประโยคว่า “I haven’t seen him in ages” ความหมายของ “in ages” ก็คือ “for a long time-เป็นเวลานานมาก” นั่นเอง
10. “Sick and tired” สำนวนนี้แปลได้ว่า “ไม่ชอบ หรือ เกลียด” ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณพูดว่า “I’m sick and tired of doing homework.” ความหมายก็คือ “ฉันไม่อยากทำการบ้านแล้ว ฉันไม่ชอบทำการบ้านเลย”
11. “behind one’s back” แปลว่า พูดหรือกระทำโดยอีกคนหนึ่งไม่รู้ตัว หรือ พูดลับหลัง
12. “turn one’s back on” แปลว่า ไม่สนใจ ไม่ช่วยเหลือ ทอดทิ้ง เช่น “John never turn his back on his girlfriend when she needs help.” แปลว่า “จอห์นไม่เคยไม่เคยทอดทิ้งเฉยเมยต่อแฟนสาวของเขา เมื่อเธอต้องการความช่วยเหลือ”
13. “get back at” แปลว่า แก้แค้น แก้เผ็ด เอาคืน เช่น ” If it takes me 10 years I will get back at him.” โหดสุดๆ กับความหมาย คือ “ถึงแม้จะต้องเสียเวลาสัก 10 ปี ผมก็จะต้องแก้แค้นมัน”
14. “hold something back” แปลว่า ซ่อน ไม่เปิดเผย ไม่เต็มใจเปิดเผย
15. “be my guest” แปลว่า พูดหรือทำตัวตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจกัน
16. “be oneself” แปลว่า เป็นปกติธรรมดา “You haven’t been yourself lately. Is anything wrong?” หรือแปลว่า “เธอดูเหมือนมีเรื่องไม่ค่อยสบายใจ มีอะไรรึเปล่า?” นั่นเองจ้า
17. “be tired of” แปลว่า รำคาญ เช่น “I was tired of working for other people, so now I’m self-employed.” หรือแปลว่า “ผมเบื่อที่เป็นลูกจ้าง ขณะนี้ได้ออกมาทำกิจการของตนเองแล้ว”
18. “beyond hope” แปลว่า ไม่มีโอกาสที่จะดีขึ้น
19. “big-headed” แปลว่า หยิ่งยะโส
20. “A great deal” แปลว่า จำนวนมาก มากมาย
21. “After all” แปลว่า อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
22. “After one’s own heart” แปลว่า ได้ดังใจ สมใจคิด ถูกใจจริงๆ
23. “All over the place ” แปลว่า ทั่วทุกที่ ทุกหนทุกแห่ง กระจัดกระจาย เกลื่อนกลาด
24. “Around the corner” แปลว่า อยู่ใกล้ๆ อยู่ไม่ไกล ใกล้เข้ามาแล้ว
25. “As a matter of fact” แปลว่า อันที่จริง ตามที่จริง จริงๆ แล้ว
26. “As far as I am concerned” แปลว่า ตามความเห็นของฉัน ตามความคิดฉัน เท่าที่ทราบ
27. “Watch your mouth” แปลว่า ระวังปาก ระวังคำพูด หรือจะใช้ “Watch your tongue” ก็ได้นะจ๊ะ
28. “Let the cat out of the bag” แปลว่า หมายถึง หลุดปากเผยความลับออกมา
29. “To feel under the weather” หมายถึง ไม่สบาย ป่วย
30. “Jack of all trades” หมายถึง คนที่รู้ทุกอย่าง รู้ทุกเรื่อง แต่ไม่เก่งจริงสักอย่าง เช่นสำนวนนี้คือ “A jack of all trades,master of none.” หรือ “รู้ไปหมด แต่ไม่เก่งสักอย่าง” นั่นเองจ้า อิอิ
ทีนี้เราก็มาเรียนรู้ และจดจำกัน จะได้ไปใช้ในสถานการณ์จริงได้อย่างคล่องแคล่วนะจ๊ะ อิอิ
ที่มา: True