ปัจจุบัน การเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองเป็นสิ่งจำเป็น เพราะไม่เพียงแต่เพื่อการเติบโตในวิชาชีพเท่านั้น แต่ภาษาที่สองยังพาไปทำความรู้จักกับวัฒนธรรมใหม่ๆ ด้วย
สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่ากระบวนการเรียนรู้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะการเรียนไม่ใช่เพียงแค่นั่งอ่านหนังสือตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ผู้เรียนต้องมีระเบียบวินัย และผ่านกระบวนการเรียนรู้เทคนิคต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ และด้านล่างนี้คือ 4 ปัจจัยที่ควรโฟกัสให้ดี เพราะมันคือตัวช่วยให้เรียนภาษาอังกฤษรวมถึงภาษาอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว ดังนี้
#1 การออกเสียง (Pronunciation)
ควรอยู่ในช่วงแรกๆ ของการเรียนรู้ เพราะการพูดภาษาจำเป็นต้องออกเสียงให้ถูกต้อง และต้องฝึกฝนออกเสียงทุกวัน ผู้เรียนจึงจะได้เรียนภาษาบ่อยๆ ไปโดยปริยาย เพราะหากคุณออกเสียงผิด ก็อาจสร้างความเข้าใจที่ผิดพลาดได้
การออกเสียงที่ดีไม่เพียงช่วยให้ผู้เรียนสามารถพูดได้ดีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เข้าใจภาษาที่พูดได้มากขึ้น และยังช่วยเพิ่มให้มีความมั่นใจเมื่อจำเป็นต้องพูดคุยกับเจ้าของภาษา
#2 การรู้คำศัพท์ (Vocabulary)
การเรียนรู้คำศัพท์เป็นสิ่งจำเป็นหากคุณต้องการที่จะพูดภาษาอังกฤษได้ เพราะหากไม่รู้คำศัพท์ กระบวนการสร้างประโยคก็จะไม่เกิดขึ้น จึงจำเป็นต้องเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ ทุกวัน พยายามจดศัพท์เพื่อป้องกันการลืม และฝึกออกเสียงที่ถูกต้องทุกวัน
นอกจากนี้ ถึงแม้หากคุณจะเรียนรู้และเข้าใจหลักไวยากรณ์ได้อย่างดีเยี่ยม แต่มีคลังคำศัพท์เพียงเล็กน้อย นั่นก็ไม่ได้ทำให้ภาษาอังกฤษของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะทั้งไวยากรณ์และคำศัพท์จำเป็นต้องเรียนรู้ควบคู่กัน และนำมาใช้ประโยชน์ร่วมกัน
#3 การสะกดคำ (Spelling)
การสะกดคำมีความสัมพันธ์กับการออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง ดังนั้น เมื่อคุณต้องจำคำศัพท์ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าการสะกดในแต่ละคำศัพท์นั้นถูก ตัวอย่างเช่นคำว่า “book (หนังสือ)” คุณควรรู้ว่าคำนี้สะกดหรือสร้างจากตัวอักษรอย่าง “b-o-o-k” การจำการสะกดคำให้ถูกต้องยังช่วยให้หลีกเลี่ยงการใช้คำผิดเมื่อต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษได้
ทั้งนี้ ในภาษาอังกฤษยังมีอีกหลายคำที่ออกเสียงเหมือนกันแต่สะกดต่างกัน หรือที่รู้จักกันว่า “homophones” (คำพ้องเสียง) อย่าลืมเรียนรู้ที่จะแยกความแตกต่างของคำเหล่านี้เพื่อจะได้ไม่สับสนขณะเรียนภาษา
#4 การเรียนหลักไวยากรณ์ (Grammar)
เมื่อคุณเริ่มเรียนภาษา โปรดจำไว้ว่าทุกแง่มุมของภาษามีความสำคัญมาก และไวยากรณ์อาจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าควรเรียนรู้หลักไวยากรณ์ราวกับว่าเป็นนักภาษาศาสตร์ เพียงแต่ก็ต้องเข้าใจว่าหลักการ กาล และโครงสร้างของภาษามีรูปแบบอย่างไรบ้าง เช่น การรู้โครงสร้างภาษาในรูปอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เป็นต้น
ทั้ง 4 ปัจจัย ได้แก่ การออกเสียง การรู้คำศัพท์ การสะกดคำ และการเรียนหลักไวยากรณ์ ล้วนแต่จะช่วยให้ภาษาของคุณพัฒนาได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และไม่ว่าคุณจะเจาะจงเรียนภาษาอังกฤษด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม อย่าลืมที่จะเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ อย่างน้อย 10 คำทุกสัปดาห์ เพื่อพัฒนาการใช้ภาษาอังกฤษให้ยอดเยี่ยมกว่าเดิม :D
ที่มา: 7esl