เพราะการพูดภาษาอังกฤษนั้นมีหลักที่แตกต่างกันกับทักษะอื่นๆ อย่างเช่น การอ่านและการเขียน การพูดถือเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับการสื่อสาร ทั้งในชีวิตประจำวัน การทำงาน หรือการเรียน เป็นต้น
และกฎทั้ง 5 ข้อนี้จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายการพูดภาษาอังกฤษตามที่ต้องการได้ง่ายขึ้น หากอยากพูดให้คล่องปร๋อก็ไปดูกันเลย : )
#1 อย่าเรียนไวยากรณ์มากเกินไป
อาจฟังดูแปลกแต่มันคือกฎที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่ง! เพราะหากอยากพูดได้อย่างคล่องแคล่วก็ไม่จำเป็นต้องเรียนไวยากรณ์มากนัก เพราะมันจะทำให้คุณพูดได้ช้าและสับสน คุณจะคิดถึงหลักไวยากรณ์มากกว่าที่จะพูดอย่างเป็นธรรมชาติ
บอกได้เลยว่าบางครั้งผู้ที่เป็นเจ้าของภาษาอังกฤษเองยังไม่รู้จักไวยากรณ์ภาษาดีเท่ากับผู้ที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง (ESL) แต่พวกเขาก็สามารถอ่าน พูดและสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
#2 เรียนรู้และจดจำเกี่ยวกับวลี
เปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ ว่าหากคุณรู้คำศัพท์ 1000 คำ คุณอาจไม่สามารถพูดประโยคที่ถูกต้องได้หนึ่งประโยค แต่ถ้าคุณรู้ 1 วลี เท่านี้คุณก็สามารถสร้างประโยคที่ถูกต้องได้หลายร้อยประโยค และสุดท้ายหากคุณรู้ราว 1,000 วลี บอกได้เลยว่าคุณจะเกือบพูดภาษาอังกฤษได้คล่องเลยล่ะ!
และจำไว้ว่าอย่าแปลวลีต่างๆ จากภาษาแม่ของคุณเป็นภาษาอังกฤษ เพราะรูปแบบการเรียงประโยคในแต่ละภาษาอาจแตกต่างกัน การเรียนรู้วลีและประโยคจึงทำให้เข้าใจและคิดตามเป็นภาษาอังกฤษได้คล่องยิ่งขึ้น
#3 ฝึกพูดในสิ่งที่ได้ยิน
การอ่าน การฟัง และการพูด ถือเป็นทักษะที่สำคัญที่ควรเรียนรู้ไม่ว่าจะศึกษาภาษาใดอยู่ก็ตาม แต่ทักษะการพูดนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการสื่อสาร และสำหรับ ESL นั้น ควรเริ่มฝึกการอ่าน การฟัง การพูด และการเขียนตามลำดับ
การฝึกพูดในสิ่งที่ได้ยินเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่จะช่วยพัฒนาทักษะการพูดอย่างมาก นอกจากนี้ยังช่วยฝึกทักษะการฟังไในตัว การฝึกพูดบ่อยๆ จะทำให้หูเกิดความคุ้นเคย ปากและสมองจะทำงานพร้อมกันได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ ในไม่ช้าจะพูดได้อย่างคล่องแคล่วจนคุณเองอาจตกใจ!
#4 ฝึกด้วยตัวคุณเอง
การสร้างสภาพแวดล้อมให้คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษอยู่เสมอคือสิ่งที่คุณสามารถทำด้วยตัวเองได้ เช่น สร้างกฎกับเพื่อนว่าจะพูดภาษาอังกฤษด้วยกัน โหลดประโยคหรือเพลงภาษาอังกฤษไว้ฟังอยู่เสมอ ดูซีรีส์หรือภาพยนตร์เป็นภาษาอังกฤษ หรือฝึกอ่านหนังสือภาษาอังกฤษบ่อยๆ วันละเล็ก วันละน้อย แต่ในสุดท้ายมันจะบรรลุเป้าหมายตามที่คุณตั้งใจ
#5 ศึกษาเนื้อหาที่ถูกต้อง
เช่น การฝึกพูดภาอังกฤษกับเเพื่อนที่ไม่ได้เป็นเจ้าของภาษาอังกฤษนั้นก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือคุณได้ฝึกพูดเป็นประจำ กระตุ้นกันและกัน และช่วยกันชี้ให้เห็นข้อผิดพลาด แต่ข้อเสียคือคุณอาจได้เรียนรู้การพูดในหลักที่ไม่ถูกต้องตามแบบที่เจ้าของภาษาใช้กัน
ดังนั้นจึงต้องมั่นใจว่าควรฝึกพูดและศึกษาจากเนื้อหาที่ถูกต้องด้วย อาจเริ่มต้นจากภาษาอังกฤษเบสิกทั่วไปที่ใช้กันในชีวิตประจำวัน
วลีในประโยคที่ว่า Practice makes perfect นั้นก็ดูเหมือนจะเป็นจริงอยู่เสมอ แต่อย่าลืมว่าต้อง Practice ในเนื้อหาที่ถูกต้องและเหมาะสมด้วยเช่นกัน ผลลัพธ์ที่ได้จึงจะ Perfect แบบที่คุณต้องการ : )
ที่มา: talkenglish