อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณได้ฝึกทั้งสกิลภาษา ได้ทั้งล่ารางวัลระดับนานาชาติ นั่นคือการเขียนบทกวีภาษาอังกฤษ ที่รางวัลนั้น มีทั้งเงิน ทุนการศึกษา หรือบางครั้งก็เป็นการประกวดที่เพิ่มโอกาสในการศึกษาต่างประเทศ
หลายคนอาจรู้สึกว่า แค่เรียนภาษาอังกฤษก็ยากแล้ว การเขียนบทกวีน่าจะเป็นอะไรที่ยากเกินความสามารถ อย่าพึ่งคิดแบบนั้น! เพราะวันนี้ เรามีเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นการฝึกฝนภาษาอังกฤษในรูปแบบของกวีที่สวยงามได้ มาดูกันเลย นี่คือ 5 เคล็ดลับสำหรับการเขียนบทกวี :
1. คิดถึงช่วงเวลา ความรู้สึกที่ยากจะสื่อออกมา
เหมือนกับการเขียนเรื่องราว หรือบทกวีในภาษาไทย สิ่งแรกที่คุณต้องรู้ คือสิ่งที่คุณอยากจะเขียน บางครั้ง คุณอาจต้องการแรงบันดาลใจ จากการได้พบเจอผู้คนใหม่ๆ หรือการสร้างบรรยากาศในแบบที่คุณชอบ
2. ใช้ประโยคที่คุณชอบ
บางครั้ง ไอเดียอาจมาจากการได้ยินคำพูดที่คนแปลกหน้าคุยกัน หรือคุณอาจเกิดความประทับใจในสิ่งที่ใครบางคนพูดเอาไว้ คุณสามารถจดบันทึกคำที่ได้ยินเอาไว้ แล้วนำมาใช้ทีหลังได้ การฟังจะช่วยให้คุณได้รับไอเดียใหม่ๆ มากกว่าการพูดออกมา
3. เพิ่มความเฉพาะเจาะจง
การพูดถึงบางสิ่งที่พิเศษ เป็นเสน่ห์ที่จะช่วยให้บทกวีของคุณน่าติดตาม และยังเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นที่จะทำให้เรื่องราวคลอดคล้องกัน เมื่อคุณมีแกนความคิดที่มีเอกลักษณ์
4. ใช้เรื่องราวที่สามารถเข้าถึงได้
การเขียนให้คนอ่านรู้สึกมีส่วนร่วม โดยมาก มักอยู่ในรูปของบทสนทนาที่ตัวละครโต้ตอบกัน สำหรับผู้เริ่มต้น คุณอาจร้อยเรื่องราวผ่านคำพูดของใครสักคน และนำมันไปสู่การตอบสนองของใครอีกคน เพื่อให้เขียนได้อย่างลื่นไหล
5. ใช้สายตาของคนอื่นในการแต่งกลอน
ในที่นี้ หมายถึงการเขียนบทกวี เสมือนเราเข้าไปอยู่ในเรื่องราวของคนอื่น ให้ตัวละครได้เป็นผู้ดำเนินเรื่องราว
สำหรับวิธีการเขียนกลอนภาษาอังกฤษ มีหลากหลายรูปแบบทั้ง การเขียนแบบคำคล้องจอง คือการลงท้ายประโยคด้วยเสียงที่คล้ายกันเช่น
O Stars and Dreams and Gentle Night
O Night and Stars return!
And hide me from the hostile light
That does not warm, but burn
(Stars – Emily Brontë)
หรือการใช้วิธีอื่นๆ เพื่อให้รูปประโยคง่ายๆ แต่สวยงาม สำหรับในการประกวด คุณอาจเลือกได้ตามความถนัด หรือตามแต่หัวข้อกำหนด
ทั้งนี้ ความเก่งจะเกิดขึ้นได้ ก็อยู่ที่การฝึกฝน เพราะถึงคุณจะไม่ใช่สายประกวดที่อยากออกล่ารางวัล แต่ถ้าได้ลองส่งกลอนรักหวานๆ เป็นภาษาอังกฤษไปให้คนพิเศษ คิดดูสิว่ามันจะน่าประทับใจมากแค่ไหน :)
ที่มา: writersdigest, easyeasypoem