สำหรับชาวเอเชียอย่างเราที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง ย่อมถือว่าการพูดภาษาอังกฤษให้เป็นธรรมชาติคือความท้าทายอย่างหนึ่ง แม้จะร่ำเรียนมาเป็นเวลาหลายปีแล้วก็ตาม พอถึงคราวที่ต้องออกภาคสนามจริงๆ ก็หวั่นเกรงจนไม่กล้าพูดกับฝรั่ง วันนี้มีเราเทคนิคในการปรับปรุงทักษะการพูดภาษาอังกฤษมาฝากกัน
1. 90% คือการฝึกฝน
การฝึกพูดภาษาอังกฤษจำเป็นต้องใช้หน่วยความจำเข้ามาช่วย และเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะพูดได้อย่างคล่องแคล่วโดยปราศจากการฝึกพูดกับเจ้าของภาษา
ซึ่งเราสามารถสวมบทเล่นเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาได้ขณะอยู่ที่บ้าน แต่หากไม่ได้ฝึกพูดกับเจ้าของภาษาเลยเราก็จะไม่มีทางพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติ
2. ฝึกพูดกับครูต่างชาติ
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าการฝึกกับเจ้าของภาษาทำให้เราพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด แต่หากไม่มีเพื่อนที่เป็นชาวต่างชาติเลย ลองเข้าไปทักทายทำความรู้จักกับครูสอนภาษาที่มาจากต่างชาติดู ซึ่งจะทำให้คุณได้เรียนรู้สำเนียง และการออกเสียงที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น
3. เก็บแกรมม่าไว้ก่อน
เราเรียนภาษาอังกฤษโดยเริ่มจากหลักไวยากรณ์ก่อน ซึ่งหากเป้าหมายคือการพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติอย่าเริ่มต้นด้วยกฎแกรมม่า (อาจจะสายไปแล้ว) เหตุผลคือการเรียนไวยากรณ์จะทำให้สมองประมวลผลแกรมม่าก่อนเมื่อคุณต้องสื่อสาร ซึ่งทำการพูดช้าลงไปอีก หนำซ้ำยังทำลายความมั่นใจด้วย
4. การเรียนอังกฤษไม่เหมือนกับเรียนวิชาชีวะหรือประวัติศาสตร์
ในภาษาอังกฤษจำเป็นต้องทำความเข้าใจว่าองค์ประกอบเหล่านี้ซิงค์กันอย่างไร ส่วนประกอบในภาษาอังกฤษมีหลายอย่าง เช่น คำบุพบท ตัวเลข คำพูด หรือคำแสลงที่ยากต่อการจดจำ
ดังนั้น การพูดภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติจึงแตกต่างจากการเรียนวิชาชีววิทยา หรือวิชาประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน ซึ่งวิชาเหล่านี้เรียนรู้ผ่านแนวคิดและการสอบให้ผ่าน ภาษาอังกฤษก็สามารถเรียนผ่านแนวคิดและการสอบให้ผ่านได้ แต่ก็ยังไม่สามารถพูดให้คล่องแคล่วได้
5. ให้มีความสมดุลกันระหว่างการออกเสียง คำศัพท์ และไวยากรณ์
การพูดภาษาอังกฤษมี 3 ส่วนหลักๆ คือ การออกเสียง คำศัพท์ และแกรมม่า ซึ่งจำเป็นต้องพัฒนาทั้ง 3 ส่วนนี้ นักเรียนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับคำศัพท์ และไวยากรณ์ แต่ไม่สนใจการออกเสีง ซึ่งการออกเสียงเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับภาษาอังกฤษ และต้องออกเสียงให้ชัดถ้อยชัดคำด้วย
ที่มา: spokenenglishpractice