หลายๆคนอาจจะเคยถามกับเพื่อนๆหรือตัวเองว่า ทำไมบางคนถึงเข้ากับคนอื่นง่ายจังเลย ทำไมบางคนก็เข้ากับใครไม่ได้เลย หรือไม่ก็กว่าจะเข้ากับคนอื่นได้ก็ยากมาก ทุกอย่างเราสามารถปรับเปลี่ยนได้ค่ะ เพราะมันคือบุคลิคของเรา ที่บางทีเราก็ไม่รู้ตัว
เพราะอยู่ที่บ้านเราอาจจะเป็นคนไม่แคร์เวิลด์ แต่พอมาอยู่กับสังคมเราก็นำนิสัยที่ค่อนข้างตามใจความคิดตัวเองมาด้วย เลยทำให้เรารู้สึกว่าสนิทกับคนอื่นยาก แต่สำหรับคนที่เข้ากับคนง่ายถือเป็นความโชคดีค่ะที่อยู่ไหนเราก็จะไม่อึดอัดใจมาก ลองดู 7 สาเหตุที่ทำให้เราเป็นคนแบบนี้กันเลยจ้า
1. ยิ้มให้กับคนอื่นอย่างจริงใจ
เคยไหม รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายยิ้มให้เราเป็นพิธีหรือยิ้มไปงั้นๆ และนั่นทำให้เรารู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้จริงใจกับตน เรื่องนี้เลยน่าจะเป็นสิ่งที่หลายๆ คนควรฝึกการยิ้มให้กับผู้อื่นอย่าง “จริงใจ” นอกจากนี้แล้ว การที่เรายิ้มอยู่บ่อยๆ นั้นก็ทำให้คนอื่นๆ สัมผัสได้ว่าเรารู้สึกดีกับเขา และนั่นน่าจะเป็นสะพานอย่างดีให้อีกฝ่ายรู้สึกดีกับเรานั่นแหละ
2. ไม่บ่นให้คนอื่นฟังมากเกินไป
เวลาเราบ่นอะไรนั้น สิ่งที่ตามมาคืออารมณ์และความรู้สึกด้านลบ แน่นอนว่าถ้าเราดูความรู้สึกแบบนี้บ่อยๆ ก็คงรู้สึกหดหู่หรือแย่กันได้เหมือนกัน การที่คุณจะบ่นกันใครนั้น คุณอาจจะต้องดูว่าเขาเหล่านั้นอยู่ในโหมดหรือเป็นคนที่รู้สึกร่วมไปกับคุณหรือเปล่า ถ้าเขารู้สึกร่วมไปกับคุณก็อาจจะโอเคอยู่ แต่ถ้าไม่ใช่แล้ว การที่คุณบ่น บ่น บ่น ก็อาจจะทำให้คุณดูแย่ในสายตาคนอื่นนั่นแหละ
3. เชื่อและเปิดใจให้คนอื่นได้เร็ว
จริงอยู่การเชื่อใจคนง่ายๆ อาจจะสร้างภาระและอันตรายให้กับตัวเราเองได้ แต่การที่เราไม่เชื่อใจคนอื่นก็คงยากที่คนอื่นจะมาเชื่อใจเรา การจริงใจและเปิดใจยอมรับคนอื่นแต่แรกๆ นั้นมีส่วนที่จะทำให้คนรอบข้างรู้สึกว่าเราเข้าถึงได้ ซึ่งนั่นมีส่วนที่จะทำให้คนเหล่านั้นอยากพูดคุย แลกเปลี่ยน และแชร์ประสบการณ์กับเรามากขึ้น
4. ไม่ขัดหรือหักหน้าคนอื่น
เวลาที่คนชอบพูดอะไรขัดโน่นขวางนี่มักทำให้อีกฝั่งรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย เช่นเดียวกับการทำอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายเสียหน้าก็ไม่ต่างกัน แม้ในความเป็นจริงคุณอาจจะไม่ได้เห็นด้วยกับเขาเสียทีเดียว แต่มันก็ใช่ว่าคุณจะต้องไปทำลายเขาเสียเมื่อไร แถมคนอื่นที่มองเห็นอาจจะคิดว่าคุณเป็นพวกจ้องทำร้ายคนอื่นเอาเสียเปล่าๆ ซึ่งนั่นก็เป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรเสียด้วย
5. คิดบวกกับคนอื่นๆ
ถ้าคุณเอาแต่วิจารณ์คนโน้น ติคนนี้ อะไรๆ ก็ไม่ดีไปเสียหมด ใครๆ ก็คงจะระวังตัวกับคุณเป็นแน่เพราะไม่รู้ว่าคุณจะเอาพวกเขาไปพูดอะไรเสียๆ หายๆ อีกเมื่อไร มันเลยเป็นการจำกัดตัวคุณให้อยู่กับคนที่เชื่อใจคุณได้เท่านั้น (ซึ่งมันก็ไม่ได้เพิ่มมาง่ายๆ หรอกนะ) มันคงจะดีกว่าถ้าคุณมองคนอื่นในแง่บวก อาจจะไม่ต้องถึงขั้นเชียร์หรืออวยกันออกหน้าออกตา แต่ทำให้คนรู้สึกว่าคุณไม่มีพิษมีภัยและปราถนาดีกับคนอื่นๆ อย่างนี้ใครๆ ก็คงโอเคที่จะมาคุยกับคุณนั่นแหละ
6. อย่าคุยโวหรือโม้เกินตัวเอง
การพูดสิ่งที่ตัวเองทำได้เป็นเหมือนการตลาดให้ตัวเอง แต่ถ้าคุณพูดเกินจริงเมื่อไรมันก็ไม่ต่างจากโฆษณาชวนเชื่อที่พอคนเห็นแล้วก็จะรู้สึกว่าคุณไม่ได้จริงใจอะไรกับคนฟัง แต่ในทางกลับกันว่าถ้าคุณถ่อมตัว พูดแต่พอดี แล้วคนอื่นเห็นคุณค่าของคุณมากกว่าที่คุณบอกเล่าไว้ มันก็จะยิ่งทำให้คนอื่นๆ รู้สึกดีกับคุณมากขึ้นไปด้วย
7. มั่นใจตัวเองแต่ไม่ใช่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล
การที่คุณมั่นใจในตัวเองทำให้คนอื่นสนใจและให้ความเคารพคุณ แต่นั่นก็ต่างจากการที่คุณมองว่าคุณคือศูนย์กลางที่อะไรๆ ก็ต้องเป็นไปอย่างที่คุณคิด ยิ่งถ้าคุณไปตัดสินทุกๆ อย่างตามความคิดของคุณประเภทที่อะไรที่ผิดจากความคิดของคุณนั้นไม่ถูกต้องล่ะก็ มันก็เหมือนกับการที่คุณตีตราทุกอย่างโดยเอาตัวเองคนเดียวเป็นที่ตั้ง แล้วแบบนั้นใครจะรู้สึกผ่อนคลายเวลาคุยกับคุณบ้างล่ะ ฉะนั้นการมั่นใจในตัวเองเป็นเรื่องดี แต่มันต้องมาพร้อมกับการเปิดใจและยอมรับคนอื่นๆ ด้วย
หากเพื่อนๆทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว ไม่ค่อยรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นง่ายๆ หรือคิดว่าจะไม่ฟังคนที่ด้อยกว่าเรา ถือว่าคิดผิดแล้วล่ะค่ะ คนรอบข้างเนี่ย สำคัญมากๆเลยที่จะมาเป็นกระจกส่องเราให้เราทำตัวดีขึ้นๆไปอีกนะคะ
source: eduzones