การศึกษาประวัติศาสตร์ได้ซึมซับเข้าไปในหลายๆ แง่มุมของชีวิตประจำวันของเรา กลายเป็นเรื่องเล่าขาน เป็นสิ่งใหม่ที่ไม่มีวันจบสิ้น
และนี่คือ 8 เรื่องราวทางประวัติศาสต์ที่ทั้งน่าสนใจ และน่าค้นหาในเวลาเดียวกัน
#1 การกำเนิดของอารยธรรม
อารยธรรมแรกในประวัติศาสตร์เกิดขึ้นที่สุเมเรียน ในเมโสโปเตเมีย (อิรักยุคใหม่) มันเริ่มเมื่อราว 5,000 ปีก่อนคริสตกาล ชาวสุเมเรียนได้ฝึกฝนการทำการเกษตร พัฒนาภาษาเขียน คิดค้นล้อ และสร้างใจกลางเมือเป็นแห่งแรกของโลก
#2 ประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยเกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยยุคกรีกโบราณ ราวศตวรรษที่ 6
#3 การประดิษฐ์กระดาษ
กระดาษถูกคิดค้นโดยชาวจีนในราวศตวรรษที่ 2 ก่อนที่กระดาษจะถูกใช้เขียน มันถูกใช้สำหรับเป็นบรรจุภัณฑ์ ใช้เพื่อการป้องกัน รวมถึงเป็นกระดาษชำระมาก่อน
#4 จักรวรรดิโรมัน
ถือเป็นอาณาจักรที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์โลก จักรวรรดิโรมันมีอำนาจในช่วง 44 ปีก่อนคริสตกาล โดยการปกครองของ Julius Caesar ขึ้นชื่อทั้งด้านสถาปัตยกรรม ศาสนา ปรัชญา และการปกครอง
#5 มหากฎบัตร (Magna Carta)
เอกสารนี้ถูกปิดผนึกและส่งมอบในปี 1215 มันถูกสร้างโดยพลเมืองของประเทศอังกฤษเพื่อจำกัดสิทธิ์และอำนาจของกษัตริย์ King John ซึ่งภายหลังเอกสารนี้นำไปสู่การพัฒนากฎหมายรัฐธรรมนูญในประเทศอังกฤษและประเทศอื่นๆ
#6 กาฬโรค
กาฬโรคเกิดขึ้นราวปี 1348 – 1350 ถือเป็นการระบาดครั้งยิ่งใหญ่ของโลก ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยล้านคนทั่วทั้งทวีปยุโรป และเอเชีย เชื่อว่าการเสียชีวิตของประชากรในยุโรปในขณะนั้นสูงถึง 60%
#7 ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา
มันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 จนถึงศตวรรษที่ 17 และมีส่วนทำให้เกิดการสำรวจสิ่งใหม่ๆ ทางวิทยาศาสตร์ ศิลป สถาปัตยกรรม ปรัชญา วรรณกรรม และดนตรี ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาเริ่มขึ้นที่ประเทศอิตาลี และแพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปทั่วยุโรป ถือเป็นการมีส่วนร่วมที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ
#8 สงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2
ถือเป็นสองสงครามที่อันตรายที่สุดในยุค โดยสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นราวปี 1914 – 1919 และสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นระหว่างปี 1939 – 1945
พันธมิตรใน WWI ได้แก่ สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, จักรวรรดิรัสเซีย, อิตาลี, สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ที่ได้ต่อสู้กับ อำนาจส่วนกลางของเยอรมนี, ออสเตรีย – ฮังการี, จักรวรรดิออตโตมันและบัลแกเรีย
ทั้งนี้ WWII ถือเป็นสงครามที่อันตรายที่สุดที่เคยเกิดขึ้น 30 ประเทศทั่วโลกร่วมต่อสู้ในสงครามครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตกว่า 60 ล้านคน รวมถึงเป็นการแนะนำให้โลกรู้จักกับอาวุธนิวเคลียร์
จะเห็นได้ว่าการศึกษาประวัติศาสตร์นั้นคือสิ่งที่น่าสนใจ ได้เรียนรู้เหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับมนุษยชาติ เพราะถ้าไม่มีประวัติศาสตร์ เราอาจไม่รู้มาก่อนว่าเคยเกิดอะไรขึ้นบ้างบนโลกใบนี้
ที่มา: dualcreditathome