หนึ่งในความมหัศจรรย์ของสิ่งก่อสร้างก็คือมันสามารถสะท้อนบรรยากาศของช่วงเวลาอันรุ่งเรืองได้ แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
เช่นเดียวกับ Val-Benoît ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่ประตูเมือง Liège ติดแม่น้ำ Maas ในเบลเยียม ที่แม้จะถูกทิ้งร้างมานานถึง 14 ปี แต่บรรยากาศภายในยังคงสะท้อนการเรียนการสอนในอดีตได้อย่างครบถ้วน
อดีตพื้นที่พักผ่อนและบริเวณสวนที่ยังคงสีเขียวขจี
ห้องเรียนหลักที่จับฝุ่น
โถงทางเดินหลักที่เคยมีนักศึกษาเดินกันขวักไขว่
ห้องแล็ปใหญ่สำหรับการทดลองวิทยาศาสตร์
อดีตห้องเรียนสีชมพู
หนึ่งในห้องเรียนที่ผุพังไปตามเวลา
ห้องเรียนที่ยังคงกลิ่นอายการสอนด้วยกระดานดำ
มองจากห้องเรียนเหล่านี้จะเห็นวิวแม่น้ำที่สงบ
โปรเจกเตอร์รุ่นบุกเบิก
บันไดในโถงทางเดินที่เคยยิ่งใหญ่
ห้องพักอาจารย์
อีกมุมหนึ่งของห้องเรียน
อีกหนึ่งห้องพักอาจารย์ที่เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้
อุปกรณ์ของห้องแล็ป
โถงทางเดินที่เงียบเหงาในวันนี้ เคยเป็นสถานที่ที่นักศึกษาต้องเดินผ่าน
ในปี 1937 สถาบันแห่งนี้ได้เปิดต้อนรับนักศึกษาคนแรกของมหาวิทยาลัยและมุ่งมั่นที่จะสร้างนักวิทยาศาสตร์ สถาปนิกและวิศวกรในอนาคต
ในช่วงยุค 30s สถาบันแห่งนี้ได้เรียกเสียงฮือฮาไปทั่วเมืองเนื่องจากรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ดูล้ำสมัยสไตล์โมเดิร์นนิสต์ และเป็นแหล่งรวมนวัตกรรมสำหรับการศึกษาที่เรียกได้ว่าแทบจะครบที่สุดในสมัยนั้น
Joseph Moutschen สถาปนิกที่สังเกตเห็นว่าโครงสร้างเดิมของอาคารยังคงความแข็งแรงและมีความสวยที่โดดเด่นแฝงไว้ท่ามกลางซากปรักหักพัง จึงได้ตัดสินใจริเริ่มโครงการที่จะนำอาคารเหล่านี้มาปรับปรุงใหม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยและแหล่งทำธุรกิจ ซึ่งคงต้องรอดูกันอีกทีว่า ถึงวันนั้น จากสถาบันที่ผลิตบัณฑิตมาอย่างมากมายแห่งนี้ จะกลายเป็นอาคารที่ใช้ประโยชน์ในแง่ไหน และจะถูกชุบชีวิตให้สวยงามขึ้นได้เพียงใด?
ที่มา: boredpanda