Amber Alert คือการแจ้งเตือนข้อมูลเมื่อมีเด็กหายที่ได้ผลที่ดีสุดในสหรัฐอเมริกา มันมีประโยชน์อย่างมากในศตวรรษที่ 21
โดย Amber Alert จะเป็นการแจ้งเตือนทั้งทางสมาร์ทโฟน ข้อความ วิทยุ หรือโทรทัศน์ อธิบายถึงเหยื่อเด็กๆ ที่ถูกลักพาตัวไปรวมถึงลักษณะของผู้ต้องสงสัยและพาหนะที่ใช้ เป็นต้น
และตั้งแต่มี Amber Alert ตั้งแต่ปี 1996 สถิติที่เด็กถูกลักพาตัวในสหรัฐอเมริกาก็ลดน้อยลง แต่รู้หรือไม่ว่า Amber Alert นั้นได้ถูกสร้างขึ้นตามชื่อหนูน้อย Amber Hagerman ที่ถูกลักพาตัวและถูกทำร้ายร่างกายและฆ่าตายอย่างไม่ใยดี
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มกราคม 1996 หนูน้อย Amber วัย 9 ขวบและน้องชาย กำลังปั่นจักรยานเล่นกันอย่างสนุกสนานในระแวกแถวบ้านที่ Arlington รัฐ Texas
เพียง 8 นาทีเท่านั้นที่ทั้งคู่ปั่นจักรยานกัน Amber ก็ถูกลักพาตัวไปโดยบุคคลที่เธอไม่รู้จัก และแม้จะมีการจัดการเหตุฉุกเฉินอย่างดี และรายงานข่าวเรื่องการหายตัวไปของหนูน้อย Amber อย่างกว้างขวางจากสื่อท้องถิ่น แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้เธอรอดชีวิตกลับมา
เพราะหลังจากนั้นเพียง 4 วัน ร่างของ Amber ก็ถูกค้นพบอยู่ข้างลำห้วยที่ห่างจากบ้านของเธอเพียง 2 ไมล์ (ราว 3 กิโลเมตร) และจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถระบุตัวคนร้ายได้
จากเหตุการณ์โศกนาฎกรรมนี้เองจึงทำให้สังคมเริ่มเกิดการตระหนักและหวาดกลัวว่าลูกหลานของตนเองจะถูกลักพาตัวและถูกทำร้ายร่างกายอย่างกรณีของ Amber
จนมีผู้เกิดไอเดียคิดค้นขึ้นมาว่าหากสามารถส่งข้อความแจ้งเตือนชุมชนเกี่ยวกับสภาพอากาศ หรือเกี่ยวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ แต่ทำไมเหตุการณ์ที่ร้ายแรงอย่างเหตุการณ์ที่เด็กถูกลักพาตัวทำไมถึงจะทำไม่ได้?
ด้วยเหตุนี้เองทางหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจึงเริ่มพัฒนาระบบเตือนภัยสำหรับเด็กที่ถูกลักพาตัว และถูกนำไปใช้ในสี่รัฐในราวปี 2001
ต่อมา Amber Alert ก็ได้เข้ามามีบทบาทในระดับชาติมากขึ้น ในปี 2003 ประธานาธิบดี George W. Bush ก็ได้เซ็นพรบ. ความคุ้มครองทางกฎหมายซึ่งจัดเตรียมความพร้อมในกรณีฉุกเฉินและเครื่องมือตอบโต้ที่จำเป็นในการสร้างโปรแกรม Amber Alert ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ด้วยการสนับสนุนนี้เอง ฮาวายจึงกลายเป็นรัฐลำดับที่ 50 ที่ได้มีมติจัดทำแผนเตรียมพร้อมใช้งานโปรแกรม Amber Alert ในที่สุด
แม้จะเกิดเหตุการณ์การสูญเสียก่อนถึงจะเกิดการป้องกันที่มีประสิทธิภาพตามมา แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหนูน้อย Amber Hagerman ก็จะเป็นที่จดจำและทำให้ตระหนักได้ว่าการป้องกันเด็กหายนั้นควรมีประสิทธิภาพอย่างไร
ที่มา: waldenu