หนึ่งในสถาบันชั้นนำของออสเตรเลียได้ตัดสินใจลดการลงทะเบียนระหว่างประเทศลง จากการเติบโตของประชากรนักศึกษาต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่ปี 2014 ทำให้มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ระงับการลงทะเบียนเรียนระหว่างประเทศในขณะนี้ ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากพลเมืองที่เป็นนักศึกษาต่างชาติล้นประเทศ
ตามที่ สำนักข่าว ABC ของออสเตรเลียรายงาน รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (ANU) Brian Schmidt กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อนับจากขนาดของมหาวิทยาลัย ตัวเขาเห็นว่ามาตรการนี้มีความเหมาะสม หากรีบขยายการเติบโต คุณภาพของการศึกษาที่ได้อาจไม่ดีเท่าไหร่
เขายังเสริมด้วยว่า เนื่องจากมหาวิทยาลัยามารถรองรับนักเรียนแบบเต็มเวลาได้ราวๆ 2 หมื่นคน ดังนั้นเราจึงตั้งใจว่าจะไม่ขยายฐานนักศึกษาให้เพิ่มขึ้นจนกว่าจะพร้อม ทั้งในระดับนานาชาติ และในประเทศ
ABC.net รายงานการเพิ่มขึ้นของนักศึกษาต่างชาติที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียว่า ในระหว่างปี 2013 – 2016 มีนักศึกษาเพิ่มขึ้นจาก 5,590 คนเป็น 7,425 คน
ในขณะที่สถิติจากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศระบุว่า ในช่วงเวลาตั้งแต่ปี 2013 – 2018 มีนักศึกษาต่างชาติเพิ่มจาก 187,000 คน เป็น 319,000 คน
ศาสตราจารย์ Schmidt กล่าวว่า จำนวนนักศึกษาทั้งจากในและต่างประเทศ เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 2 – 3 ปี ที่ผ่านมา
Samuel Lee นักศึกษาสาขากฎหมายวัย 22 ปีจากประเทศสิงคโปร์ ผู้กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัย ANU กล่าวว่า เขาชอบการผสมผสานของนักเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย
“เป็นการดีที่จะมีมุมมองที่มากขึ้น ทั้งความแตกต่างของวัฒนธรรม และผู้คนที่มาจากสังคมที่คุณไม่คุ้นเคย ที่ ANU นักเรียนส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ไม่จำเป็นต้องเป็นชาวเเคนเบอร์ร่า และนั่นทำให้ ANU อบอุ่นมากยิ่งขึ้น”
ออสเตรเลียเองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีนักศึกษาไทยเดินทางไปเรียนต่อจำนวนมาก การระงับการรับสมัครเข้าเรียนนี้ อาจเป็นการช่วยชะลอให้ทางสถาบันได้มีเวลาเตรียมพร้อมเพื่อรองรับการเติบโตของแวดวงการศึกษาที่ขยายใหญ่มากขึ้น
ที่มา: masterstudies