เพื่อนๆที่มีความใฝ่ฝันอยากจะไปศึกษาต่อต่างประเทศ อยากฝึกในเรื่องของภาษา อยากเปิดประสบการณ์ใหม่ๆให้กับชีวิต แต่ไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายทั้งในเรื่องของค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพที่สูงไม่ต้องกันวลไป
เพราะวันนี้เรามีทางเลือกหรือประเทศจากทั่วโลกที่เพื่อนๆสามารถไปศึกษาต่อด้วยงบสุดประหยัดหรือไปแบบฟรีๆก็ยังได้เนื่องจากมีหลายประเทศทั่วโลก มอบสิทธิดีๆให้กับนักศึกษาต่างชาติได้ไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี โท และเอกกันเลยทีเดียว มีประเทศไหนที่น่าสนใจบ้าง….มาดูกันเลย
1. เรียนฟรี! ชีวิตดีที่ ‘เยอรมนี’
สำหรับคนงบน้อย ประเทศเยอรมนี ได้ขึ้นชื่อเรื่องค่าเรียนถูก ค่าครองชีพราคาเบา ๆ ที่สำคัญอากาศ ไม่หนาวมากจนเกินไปสำหรับคนเอเชีย แต่ถ้าเป็นประเทศในแถบสแกนดิเนเวียแน่นอนว่าถึงค่าเทอมจะฟรีแต่อากาศเรียกว่าหนาวสุดขั้ว หลายคนไปเรียนต่อแล้วทนสภาพอากาศไม่ไหวหนีกลับมาก็มี แม้จะ “ไม่มีค่าเล่าเรียน” ในมหาวิทยาลัยรัฐบาลส่วนใหญ่ของประเทศ และฟรีแบบไม่มีข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาเยอรมัน หรือนักศึกษาชาวต่างชาติก็ตาม แต่ในมหาวิทยาลัยขนาดเล็กก็ยังต้องเสียค่าธรรมเนียมประมาณ $160-270 (5,600-9,500 บาท) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน
ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของประเทศเยอมนี และระบบการศึกษาที่ดีเยี่ยม ทำให้ประเทศเยอรมนีเป็นที่สนใจของผู้ปกครองจากทั่วโลกที่อยากจะส่งบุตรหลานมาเรียนต่อ ดูจากการรายงานของ HSBC เมื่อไม่นานมานี้ระบุว่า “The Value of Education” ประเทศเยอรมนีอยู่ในอันดับที่ 3 รองจากประเทศสหรัฐอเมริกา และ สหราชอาณาจักร แม้จะเสียค่าใช้จ่ายน้อย แต่การไปศึกษาต่อยังประเทศเยอรมนีก็มีข้อจำกัดสุ ที่เป็นอุปสรรคต่อนักศึกษาชาวต่างชาติอยู่พอสมควรนั่นก็คือ “เรื่องของภาษา” ที่มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะใช้ภาษาเยอรมันในการเรียนการสอน นักศึกษาที่ไม่มีพื้นฐานจะต้องไปเรียนภาษาก่อนเป็นเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี ขึ้นไป
หากเพื่อนๆสนใจที่จะไปเรียนฟรีที่ประเทศเยอรมนี จะต้องเตรียมค่าครองชีพไว้ประมาณ $10,520 ต่อปี หรือประมาณ 370,000 บาท เพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตและค่าธรรมเนียมมหาวิทยาลัย สองเมืองที่ป๊อบปูล่าที่สุดสำหรับไปศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมนี คือ “มิวนิค และ เบอร์ลิน” ที่ถูกจัดอันดับว่าเป็นเมืองที่ดีที่สุดสำหรับนักศึกษา ประจำปี 2015 โดย QS Univesity Ranking
2. ค่าเทอม..ถูกเหมือนเรียนฟรี ที่ฝรั่งเศส!
ประเทศฝรั่งเศสมีค่าเล่าเรียนที่เรียกได้ว่า “ถูกมาก เหมือนเรียนฟรี” แบบไม่จำกัดสัญชาติ สำหรับมหาวิทยาลัยของรัฐบาล แม้ไม่เก็บค่าเล่าเรียนแต่ก็ยังมีค่าธรรมเนียมรายปีอีกนิดหน่อย $250 หรือประมาณ 8,800 บาท ต่อปี เพื่อเป็นค่าบริหารหลักสูตร สำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อาจจะเพิ่มสูงขึ้นในบางหลักสูตรที่เป็นโปรแกรมพิเศษ อย่างเช่น แพทย์ และวิศวกรรม
ในบางโปรแกรมจะให้นักศึกษาเรียนภาษาฝรั่งเศสฟรี เพราะส่วนใหญ่ภาษาที่จะใช้ในการเรียนการสอนจะเป็นภาษาฝรั่งเศส หรือบางโปรแกรมอาจโชคดีเรียนเป็นภาษาอังกฤษ แต่นักศึกษาส่วนใหญ่ที่จะไปศึกษา
ยังประเทศฝรั่งเศสก็จะต้องไปเรียนภาษาเพิ่มเติม ไม่เฉพาะในด้านการเรียนยังรวมไปถึงภาษาฝรั่งเศสที่จะต้องใช้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย แม้จะขึ้นชื่อว่ามีค่าเล่าเรียนที่ถูกแสนถูก แต่ค่าครองชีพที่ค่อนข้างสูงในประเทศฝรั่งเศสก็เป็นที่กล่าวถึงเช่นเดียวกัน “ปารีส” ยังคงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่น่ามองข้าม โดยคิดเป็นค่าครองชีพต่อปีแล้วตกอยู่ที่ประมาณ $10,430 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 367,000 บาทต่อปี ติดอันดับเมืองที่ดีที่สุดสำหรับนักศึกษา ประจำปี 2015
3. เรียนฟรี!!! ในกลุ่มประเทศนอร์ดิก (Nordic countries)
กลุ่มประเทศนอร์ดิก (Nordic countries) ประกอบด้วย 5 ประเทศ อันได้แก่ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน เป็นที่รู้กันว่ากลุ่มประเทศเหล่านี้มีคุณภาพชีวิตที่ค่อนข้างสูง ธรรมชาติที่สวยงาม การเมืองเสรีนิยม และยังเป็นกลุ่มประเทศที่มีระบบการศึกษาที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอีกด้วย โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษาจากทั่วโลกสามารถไปศึกษาต่อได้ฟรี ในประเทศนอร์เวย์ และฟินแลนด์ ส่วนอีก 3 ประเทศเริ่มเปลี่ยนมาเก็บค่าเล่าเรียน และให้เรียนฟรีได้เฉพาะนักศึกษากลุ่มสหภาพยุโรปเท่านั้น
ประเทศนอร์เวย์ การศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย จะให้บริการฟรีกับนักศึกษาทุกคน โดยไม่คำนึงถึงระดับการศึกษาและสัญชาติ ซึ่งส่วนใหญ่หลักสูตรในระดับปริญญาตรีจะเปิดเรียนเฉพาะภาษานอร์เวย์ ดังนั้นนักศึกษาชาวต่างชาติจะต้องแสดงหลักฐานที่ผ่านการทดสอบเรื่องภาษานอร์เวย์เสียก่อนจึงจะสามารถสมัครเข้าเรียนต่อได้
ประเทศเดนมาร์กและสวีเดน จะเปิดโอกาสให้นักเรียนที่มาจากประเทศในกลุ่ม EU/ EEA และประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สามารถเข้าเรียนฟรี ส่วนนักเรียนนอกภูมิภาคจะต้องเสียค่าเล่าเรียนหลักสูตรปริญญาตรีและปริญญาโท ตามปกติ สำหรับหลักสูตรปริญญาเอกทั้งสองประเทศจะให้ทุนการวิจัยฟรี และได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและได้รับเงินเดือนอีกด้วย สำหรับประเทศเดนมาร์กและสวีเดน จะมีค่าเล่าเรียนในระดับปริญญาตรีที่แตกต่างกันออกไปคือ เดนมาร์กจะตกอยู่ที่ประมาณ $6,550-$17,500 ต่อปี (230,000-616,000 บาทต่อปี) ส่วนประเทศสวีเดนตกอยู่ที่ประมาณ $9,400-$16,500 ต่อปี (330,000-580,000 บาทต่อปี)
4. 6 ประเทศในยุโรปทั้งเรียนฟรี และถูกแบบไม่น่าเชื่อ!!
ออสเตรีย (Austria)
ประเทศในยุโรปที่นักศึกษาสามารถไปศึกษาต่อได้ฟรี หรือในราคาที่ต่ำมาก นั่นก็คือ ออสเตรีย สำหรับนักศึกษา EU/EEA หรือนักเรียน-นักศึกษาชาวออสเตรีย จะสามารถเรียนฟรี ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาในระดับปริญญาตรี โท หรือเอก ได้ 2 ภาคการศึกษา หลังจากนั้น นักศึกษาจะต้องจ่ายค่าเทอมเองเป็นจำนวน $390 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 13,767 บาท ต่อภาคการศึกษาไปจนจบ สำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติที่ไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่ม EU/EEA จะต้องจ่ายค่าเล่าเรียนแพงกว่านิดหน่อย ตกอยู่ที่ประมาณ $790 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 27,900 บาท ต่อภาคการศึกษา ส่วนค่าครองชีพของนักศึกษาจะตกอยู่ที่ประมาณ $920-1,080 ต่อเดือน (32,500-38,000 บาท ต่อเดือน) นอกจากนั้น “เวียนนา” เมืองหลวงของออสเตรีย อยู่ในอันดับที่ 20 เมืองที่ดีที่สุดสำหรับนักศึกษา ประจำปี 2015 จาก QS University Ranking อีกด้วย
เบลเยียม (Belgium)
การศึกษาต่อในระดับสูงของประเทศเบลเยียมมี 2 หัวข้อหลัก เกี่ยวกับค่าธรรมเนียมในมหาวิทยาลัย คือ ค่าใช้จ่ายสำหรับนักศึกษาจาก EU ที่สามารถพูดภาษาเฟลมิช (Flemish) จะต้องเสียค่าธรรมเนียม $660 หรือประมาณ 23,000 บาท ต่อปี ส่วนนักศึกษาที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส จะต้องเสียค่าธรรมเนียม$900 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 31,000 บาท ต่อปี แม้นักศึกษาในกลุ่มประเทศ EU จะได้รับสิทธิพิเศษสำหรับการศึกษาต่อยังประเทศเบลเยียมก็ตาม แต่นักศึกษาชาวต่างชาติ หากคิดคำนวนค่าใช้จ่ายแล้วแม้จะต้องจ่ายค่าเล่าเรียนที่สูงกว่าประมาณ $2,050- $4,170 ต่อปี (72,000-147,000 บาท ต่อปี) ก็ยังถือว่าไม่แพงมากจนเกินไป เมื่อบวกับค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่ตกอยู่ที่ประมาณ $2,050- $4,170 ต่อเดือน (23,000-147,000 บาท) ต่อเดือน หากเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในยุโรปยังถือว่าถูกมาก ๆ
สาธารณรัฐเช็ก (Czech Republic)
นักศึกษาที่สามารถพูดและเข้าใจภาษาเช็กได้สามารถเข้าไปศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยไหนก็ได้ในประเทศสาธารณรัฐเช็ก ฟรี!!! สำหรับนักศึกษาที่ต้องการไปศึกษาต่อในโปรแกรมภาษาอังกฤษ ก็สามารถไปศึกษาต่อได้ในราคาเบา ๆ ตกอยู่ที่ประมาณ $1,080 หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 38,000 บาท ต่อภาคการศึกษา ค่าครองชีพก็ถือว่าไม่แพงมากเมื่อเทียบกับหลายประเทศในแถบยุโรปตะวันตก เฉลี่ยแล้วตกอยู่ที่ประมาณ $350-750 ต่อเดือน (12,000-26,000 บาท) และขอแนะนำเมืองปราก (Prague) เมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็กที่ติดอยู่ในอันดับที่ 49 จากการจัดอันดับ “QS Best Student Cities 2015”
กรีซ (Greece)
นักเรียนจาก EU และ EEA สามารถศึกษาต่อในประเทศกรีก ฟรี!!! ทั้งในมหาวิทยาลัยของรัฐ และวิทยาลัยทุกระดับ ยกเว้นหลักสูตรปริญญาโทบางโปรแกรม และยังได้รับหนังสือและตำราเรียนฟรีอีกด้วย สำหรับนักศึกษาต่างชาติจะต้องเสียค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในราคาที่ถูกมากประมาณ $1,630 ต่อปีคิดเป็นเงินไทยประมาณ 57,000 บาท ต่อปี ประเทศกรีกยังมีข้อเสนอดี ๆ สำหรับนักศึกษาในสหภาพยุโรปสำหรับค่าครองชีพที่ถูกมากอีกด้วย
อิตาลี (Italy)
แม้จะมีเสียงเล่าลือถึงค่าใช้จ่ายของมหาวิทยาลัยเอกชนในประเทศอิตาลีที่สูงมากถึง $17,360 ต่อปี คิดเป็นเงินไทยประมาณ 600,000 บาท แต่มหาวิทยาลัยของรัฐบาลกลับตรงกันข้ามเพราะจะคิดค่าธรรมเนียมสำหรับนักศึกษาที่ถูกมาก ในหลักสูตรปริญญาตรีอยู่ที่ประมาณ $920-1,080 ต่อปี (32,000-38,000 บาท) นอกจากนั้นนักศึกษาในสหภาพยุโรป หรือ EU ยังได้รับสิทธิในเรื่องของทุนการศึกษา ทุนกู้ยืม และการยกเว้นค่าธรรมเนียมอื่น ๆ เช่นเดียวกับนักศึกษาชาวอิตาลี ค่าครองชีพในแต่ละเดือนคิดเป็นเงินประมาณ $1,300 ต่อเดือน หรือ 46,000 บาท สำหรับเมืองน่าเรียนในประเทศอิตาลีในปีนี้คือ“มิลาน” อยู่ในอันดับที่ 36 ของโลกจาก QS Best Student Cities 2015
สเปน (Spain)
นักศึกษาจากสหภาพยุโรปจะได้รับสิทธิพิเศษที่เหมือนกับนักศึกษาสเปน คือ “ไม่ต้องจ่ายค่าเล่าเรียน” สำหรับการศึกษาระดับสูง ในขณะเดียวกันนักศึกษาต่างชาติที่ต้องการจะเดินทางมาศึกษาต่อที่ประเทศสเปน จะต้องเสียค่าเสียค่าเล่าเรียน แต่เป็นในเรตราคาที่ถูกมากประมาณ $740-1,500 ต่อปี (26,000-53,000 บาท ต่อปี) สำหรับสถาบันของรัฐ และจะคิดค่าธรรมเนียมเป็น “per credit” ในระดับการศึกษาที่สูงกว่าระดับปริญญาตรีขึ้นไป สำหรับค่าที่พักในประเทศสเปนจะตกอยู่ที่ประมาณ $970-1,200 (ประมาณ 34,000-42,000 บาท) เมืองน่าอยู่และเหมาะสำหรับนักศึกษาในประเทศสเปน คือ บาร์เซโลนา และเรอัลมาดริด
5. 3 ประเทศ ค่าเล่าเรียนถูก ค่าครองชีพราคาเบาๆ
อาร์เจนตินา (Argentina)
นักศึกษาในประเทศอาร์เจนตินาเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยฟรีแบบไม่มีค่าใช้จ่าย แต่สำหรับนักศึกษา กำลังมีความสุขกับการเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยได้ฟรีแบบไม่มีค่าใช้จ่าย แต่สำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติก็ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนเพียงเล็กน้อยที่เป็นค่าลงทะเบียน แต่เฉพาะในมหาวิทยาลัยของรัฐบาลเท่านั้น เพราะถ้าเป็นค่าเล่าเรียนค่าธรรมเนียมของมหาวิทยาลัยเอกชน ในประเทศอาร์เจนตินาถือว่าแพงมากตกอยู่ที่ประมาณ $5,000 ต่อปี หรือประมาณ 170,000 บาท ต่อปี เลยทีเดียว และเมืองที่ติดอันดับโลก QS Best Student Cities 2015 คือ “บัวโนสไอเรส” เมืองหลวงของประเทศอาร์เจนตินา อยู่ในอันดับที่ 24 ของโลก
อินเดีย (India)
ในประเทศอินเดียนักศึกษาชาวต่างชาติจะต้องเสียค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ทั้งหมดรวมแล้วประมาณ $1,200-$5,300 ต่อปี (ประมาณ 42,000-180,000 บาทต่อปี) ถือว่าถูกมาก ๆ เพราะคิดร่วมค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว ในมหาวิทยาลัยของรัฐบาลจะเก็บค่าเล่าเรียนที่ค่อนข้างถูก แต่จะสูงขึ้นในระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ถ้าใครที่อยากได้ภาษาอังกฤษก็ตัดสินใจไปเรียนต่อที่ประเทศอินเดียได้เลย นอกจากนี้ค่าครองชีพยังถือว่าถูกมาก ๆ ถ้าเทียบกับประเทศอังกฤษ หรือแม้แต่ในประเทศไทยเองก็ตาม เพราะค่าเงินของประเทศอินเดียถูกกว่าประเทศไทยนั่นเอง
ไต้หวัน (Taiwan)
ค่าเล่าเรียนในประเทศไต้หวันถือว่าถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐาน เมื่อเทียบความชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย ยกตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน (NTU) มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศที่อยู่ในอันดับที่ 70 ของโลก จากการจัดอันดับล่าสุด “QS World University Rankings 2015/16” แต่มีค่าเล่าเรียนเพียง $1,600-2,000 ต่อปี (56,000-70,000 บาทต่อปี) สำหรับประเทศไต้หวัน เมืองหลวงไทเป ติดอยู่ในอันดับโลก QS Best Student Cities 2015 อันดับที่ 25 และ The Most Affordable City For Students in 2015 อีกหนึ่งประเทศที่นักศึกษาส่วนใหญ่ไม่ควรพลาด
จะเห็นได้ว่ามีหลากหลายประเทศที่เพื่อนๆ สามารถเลือกไปศึกษาต่อได้อย่างประหยัดค่าใช้จ่าย รวมไปถึงการขอทุนฟรีได้เลย ยังไงก็อย่าลืมศึกษาหาข้อมูลประเทศนั้นๆเพิ่มเติมด้วยนะจ๊ะ ^^
ที่มา: manager