แต่ละวัฒนธรรมมีกฎเกณฑ์หรือเคล็ดลับการอบรมเลี้ยงดูเด็กที่เป็นแบบฉบับของตนเอง ซึ่งอาจขึ้นอยู่กับความเชื่อหรือความเหมาะสมตามวิถีชีวิต โดยวันนี้เราจะพาไปรู้จักกฎการอบรมลูกๆ ของผู้คนในโซนยุโรปเหนือที่น่าสนใจหลายข้อ
1. อย่าซื้อของเล่นให้มากเกิน
พ่อแม่ชาวสแกนดิเนเวียเชื่อว่าลูกๆ ของพวกเขาสมาธิจะแย่ลง หากมีตุ๊กตาและรถของเล่นไว้ครอบครองมากเกินไป ซึ่งของเล่นที่มีอยู่อย่างละน้อยละนิดนั้นจะเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ใช้จินตนาการและชื่นชมในสิ่งที่พวกเขามีอยู่แล้วมากกว่า
2. สนับสนุนให้ลูกๆ แสดงออกทางความรู้สึกนึกคิดของตนเอง
ณ สนามเด็กเล่นคุณจะไม่พบเห็นคุณแม่ที่ร้องห้ามว่า “อย่าไปตรงนั้นนะลูก เดี๋ยวเสื้อจะเปื้อน!” พ่อแม่ที่สแกนดิเนเวียส่งเสริมให้ลูกๆ ของพวกเขามีอิสระในการแสดงออก กล่าวคือเด็กๆ สามารถสัมผัสกับก้อนหินสกปรก กระโดดลงในแอ่งน้ำ ให้พวกเขาได้เล่นตามใจชอบโดยไม่มีข้อจำกัด
หากเด็กๆ กลับมาบ้านในสภาพที่เสื้อผ้าสะอาดสะอ้านหลังจากออกไปเดินเล่น ผู้ปกครองจะบอกว่าลูกของพวกเขาไม่ได้ไปเดินที่เล่นไหนเลย
3. ชาวนอร์เวย์ให้เด็กๆ ออกไปเดินเล่นแม้สภาพอากาศไม่เป็นใจ
พ่อแม่ชาวนอร์เวย์จะปล่อยให้ลูกๆ ได้ใช้เวลาชื่นชมและมีความสุขกับธรรมชาติรอบกาย นักวิทยาศาสตร์เผยว่าวิธีการนี้จะช่วยลดความตึงเครียด ช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างญาติพี่น้อง และเพิ่มสารเอนดอร์ฟินให้กับร่างกาย
ที่สำคัญ อากาศสดใสค่อนข้างเป็นสิ่งที่หายากสำหรับสแกนดิเนเวีย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่หวั่นเกรงต่อสภาพอากาศที่เลวร้าย แต่หากอยากออกไปเดินเล่นจริงๆ พวกเขาก็จะสวมเสื้อผ้าที่อบอุ่นเข้าไว้ นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าอากาศแย่ๆ สามารถช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น และสามารถรับมือกับไวรัสต่างๆ ได้ดีขึ้นด้วย
4. ส่งเสริมบทบาทความเป็นพ่อ
ในนอร์เวย์ให้สิทธิ์ลาเลี้ยงลูกได้นานถึง 6 เดือน ในเดนมาร์กสามารถลาได้ 4 เดือน และที่สวีเดนลาได้ 3 เดือน และถึงแม้จะลายาวขนาดนี้แต่ก็ยังได้รับค่าตอบแทนเต็มจำนวนอยู่ดี ซึ่งภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้คือการส่งเสริมให้คุณพ่อได้มีเวลาอยู่กับลูกๆ มากขึ้น รวมทั้งได้มีส่วนร่วมในทุกโมเมนต์ของเจ้าตัวเล็ก
5. สนุกสนานกับการเล่นกีฬา แต่ไม่คาดหวัง
พวกเขาเริ่มเล่นกีฬาในวัยเด็ก แต่ผู้ปกครองจะไม่ตัดสินผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น และไม่ทำการควบคุมความเหมาะสมของกีฬาประเภทต่างๆ ที่เด็กเล่น เช่น หากลูกสาวร่างกายอวบอ้วนแต่เธออยากเล่นยิมนาสติก พ่อแม่ก็จะไม่ห้าม อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากโค้ชเป็นอย่างดี
6. ลืมเรื่องการลงโทษทางกายไปได้เลย
ในปี 1979 สวีเดนเป็นประเทศแรกของโลกที่ห้ามให้มีการลงโทษทางร่างกายอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่โรงเรียน เช่น หากมีคนพบเห็นพ่อแม่ตีลูกเพียงแค่เบาๆ พวกเขาก็จะโทรแจ้งตำรวจทันที ซึ่งในกรณีนี้เด็กคนนั้นอาจถูกส่งตัวไปอยู่กับครอบครัวอื่น และผู้ปกครองอาจถูกตัดสินให้คุมขังก่อนการพิจารณาคดี
7. ไม่ยึดแบบแผนทางเพศ
เมื่อเด็กน้อยถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก ผู้ปกครองจะไม่ซื้อเสื้อสีชมพูหรือสีฟ้าให้ แต่เด็กๆ จะสวมใส่เสื้อผ้าที่มีสีกลางๆ แทน โดยมีแนวคิดดีๆ อยู่เบื้องหลังการกระทำนี้ว่าเสื้อผ้าเหล่านี้อาจมีโอกาสส่งต่อให้ทารกคนอื่นๆ ได้ใช้
นอกจากนี้ ผู้ปกครองจะซื้อของเล่นให้ลูกๆ โดยไม่คำนึงถึงเพศสภาพของเด็ก อีกทั้งที่สแกนดิเนเวียยังมีโรงเรียนอนุบาลที่ไม่ระบุเพศด้วย
8. สอนลูกให้รู้จักรักร่างกายของตัวเอง
ผู้ปกครองที่สแกนดิเนเวียอนุญาตให้เด็กๆ วิ่งเล่นในสวนหลังบ้านในลักษณะที่ไม่สวมเสื้อผ้าได้ (แม้ในวันที่สภาพอากาศไม่เป็นใจ) และพ่อแม่จะไม่พูดกับพวกเขาด้วยว่าการเปลือยกายนั้นมันน่าละอาย อีกอย่างการที่ผู้ปกครองสนับสนุนให้เด็กๆ ได้เผยเรือนร่างของตัวเองบ้างก็เพราะว่าพวกเขาจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดลำบากใจหากต้องถอดเสื้อผ้าในที่สาธารณะ เช่น สระว่ายน้ำ หรือชายหาด
9. สอนลูกให้เป็นอิสระ
พ่อแม่ที่นี่มักให้ลูกๆ ได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง ให้เขาได้มีอิสระในเรื่องต่างๆ นอกจากนี้ผู้ปกครองยังให้เด็กๆ สามารถทำงานบ้านได้ เช่น การล้างจาน กวาดบ้าน เป็นต้น เพราะอิสรภาพและความไว้ใจของพ่อแม่สอนให้ลูกๆ รู้จักความรับผิดชอบ
10. ใส่ใจการดูแลรักษาฟันของเด็กๆ
ยิ่งสุขภาพฟันในวัยเด็กของพวกเขาดีเท่าไหร่ เม็ดเงินที่จะเสียไปกับการทำฟันในวัยผู้ใหญ่ก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น ที่สวีเดนโปรแกรมการดูแลสุขภาพฟันสำหรับเด็กได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ และมีการใช้เทคนิคต่างๆ กับเด็กเพื่อไม่ให้เด็กกลัวหมอฟัน อีกทั้งผู้ปกครองก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อสอนให้ลูกของพวกเขาดูแลสุขภาพฟันเป็นอย่างดี
11. ไม่พยายามยัดเยียดหลักสูตรพัฒนาเด็ก
ผู้ปกครองในสแกนดิเนเวียไม่ได้พยายามสอนภาษาต่างประเทศและให้ลูกๆ เรียนว่ายน้ำในขณะเดียวกัน ซึ่งผู้ปกครองเหล่านี้มักมีความสุขกับการได้ใช้เวลาอยู่กับลูกๆ ของพวกเขา
เคยมีปรัชญาของสแกนดิเนเวียที่กล่าวไว้ว่า เด็กๆ ควรมีเวลาว่างเมื่อพวกเขาไม่ได้ทำอะไรหรือเพียงแค่ให้เด็กๆ ได้เล่นตามใจปรารถนา ซึ่งการไม่พยายามยัดเยียดนั้นจะช่วยให้เด็กได้พัฒนาทักษะสำคัญ ได้จัดการกับอารมณ์ และเสริมสร้างจินตนาการของตัวเอง
นับว่าเป็นการเลี้ยงลูกที่หลายประเทศสมควรนำไปปรับใช้อย่างยิ่ง
ที่มา: brightside