นับตั้งแต่ปี 1983 มหาวิทยาลัยสำหรับผู้สูงอายุกว่า 70,000 แห่งได้ผุดขึ้นทั่วแผ่นดินจีน นักศึกษาที่เข้าเรียนในสถาบันนี้ สามารถเลือกสาขาหรือหัวข้อที่สนใจได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การเต้นรำ การช้อปปิ้งออนไลน์ หลักสูตรภาษาอังกฤษ หรือหลักสูตรวิชาการอื่นๆ
จากข้อมูลของ The Economist สถาบันผู้สูงอาบุกว่า 70,000 แห่งเหล่านี้ สามารถเปิดรับลงทะเบียนนักเรียนได้ราว 8 ล้านคน หรือเพียง 3% ของกลุ่มคนอายุ 60+ เท่านั้น
นั่นทำให้เกิดการแข่งขันอย่างเข้มข้นจนหลายๆ สถาบันถึงกับต้องใช้ระบบจับฉลากเพื่อคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษา
ในบทความหนังสือพิมพ์ China Daily เกี่ยวกับเรื่องนี้ Wang Huizhen วัย 63 ปีได้กล่าวว่า
“มหาวิทยาลัยเหล่านี้ได้รับความนิยมมาก และมีการจองหลักสูตรอย่าล้นหลามภายในเวลาไม่กี่วินาทีหลังจากการเปิดตัวทางออนไลน์ ฉันต้องตื่นอยู่จนถึงเที่ยงคืนเพื่อรอลงทะเบียน แต่ฉันก็ทำได้แค่เลือกสถานที่เท่านั้น”
ในมุมมองของเธอ การเเข่งขันเพื่อลงทะเบียนเรียนในสถาบันผู้สูงอายุเหล่านี้นับเป็นความคุ้มค่าอย่างยิ่ง เธอกล่าวอย่างกระตือรือร้นว่า
“ฉันรู้สึกว่าพลังชีวิตและแรงบันดาลใจของฉันเริ่มกลับมามีมากขึ้นอีกครั้งหลังจากได้ลงทะเบียนเรียนในมหาวิทยาลัย จริงๆ แล้วมันมีมากซะจนเพื่อนๆ บอกกับฉันว่า ฉันดูกลายเป็นคนละคน แถมยังดูมีความสุขอยู่เสมอ”
เเรกเริ่มการเปิดสถาบันสำหรับผู้สูงอายุมีขึ้นเพื่อเหล่าสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์รุ่นเก่า ทว่าในปัจจุบันมันกลายเป็นสถานที่ที่ไม่ว่าใครต่างก็ลงทะเบียนเรียนได้ โดยส่วนใหญ่แล้ว สถาบันเหล่านี้จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐ และมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเพียง 31 เหรียญต่อเทอม (ประมาณ 998 บาท)
มีการคาดว่าจำนวนประชากรผู้สูงอายุในประเทศจีน (ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป) จะเพิ่มขึ้นจาก 241 ล้านคนเป็น 487 ล้านคน หรือเกือบ 35% ของประชากรจีนทั้งหมดในปี 2050
นั่นทำให้รัฐบาลต้องการให้มีมหาวิทยาลัยผู้สูงอายุในทุกๆ เขตพื้นที่ภายในปี 2020 เนื่องจากการให้ความรู้แก่ผู้สูงอายุจะช่วยลดปัญหาผู้สูงวัยที่ถูกทอดทิ้งให้เหงาอยู่เพียงลำพัง ทั้งยังช่วยให้พวกเขามีความสุขกับชีวิต และแสดงให้เห็นว่าการเรียนรู้เป็นเรื่องที่ทำได้ตลอดชีวิต และไม่มีขีดจำกัดด้านอายุ
ที่มา: academiccourses