ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม อาชญากรรมไซเบอร์ (cybercrime) สามารถสร้างความเสียหายได้อย่างมหาศาล ดังนั้นการเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับอาชญากรรมทางดิจิทัลในรูปแบบต่างๆ จึงเป็นการดี เพื่อจะได้ตื่นตัวและป้องกันตัวเองอยู่เสมอ
อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อทุกคนที่ทำงานหรือสนใจอยากทำงานในสายแวดวงไอที ที่มีศัพท์เฉพาะที่ต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจ เพราะทุกวันนี้โลกไซเบอร์อยู่ใกล้เราเพียงนิดเดียว คำศัพท์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับอาชญากรรมไซเบอร์ทั้ง 29 คำเรียงตามตัวอักษรตั้งแต่ A – Z มีดังนี้
Adware = การแสดงโฆษณาบนคอมพิวเตอร์ของคุณ ไม่เป็นอันตราย แต่ได้กำไร
Backdoor = เปิดประตูลับในคอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อเชื่อมต่อกับมัลแวร์ ไวรัส สแปมหรือแฮกเกอร์อื่นๆ
Cracking = การเข้าถึงระบบโดยเฉพาะเพื่อก่ออาชญากรรม
Hacking = เมื่อมีคนบุกเข้าไปในคอมพิวเตอร์หรือเครือข่าย
Hacktivism = การแฮ็กข้อมูลด้วยเหตุผลทางการเมืองหรือทางอุดมการณ์
Hijackware (Browser Hijacker) = มัลแวร์ที่เปลี่ยนแปลงการตั้งค่าเบราว์เซอร์ของคุณเพื่อนำคุณไปยังไซต์ที่เป็นอันตรายหรือแสดงโฆษณา
Hoax = ข้อความที่เตือนถึงภัยคุกคามที่ไม่มีอยู่จริงมักเกี่ยวข้องกับจดหมายลูกโซ่และโดยปกติจะไม่เป็นอันตราย
Keylogger = สปายแวร์ (หรือฮาร์ดแวร์) ที่ติดตามและบันทึกการกดแป้นพิมพ์โดยเฉพาะรหัสผ่านและข้อมูลบัตรเครดิต
Malware = “ซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย” ใดๆ ที่ออกแบบมาเพื่อแอบเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของคุณ
Password Sniffing (Password Stealer) = มัลแวร์ที่ตรวจสอบการใช้งานเครือข่ายของคุณเพื่อค้นหาชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน ทั้งนี้ปัจจุบันรหัสผ่านส่วนใหญ่ได้รับการเข้ารหัสดังนั้นเทคนิคนี้จึงไม่เป็นภัยคุกคาม
Pharming = เมื่อการเข้าชมเว็บไซต์ถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์ปลอม โดยปกติจะเป็นเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหรือธนาคาร
Phishing = เมื่ออาชญากรไซเบอร์พยายามดึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจากคุณ เช่น หมายเลขบัตรเครดิต และรหัสผ่าน จึงมีเทคนิคเฉพาะบางอย่าง เช่น spear phishing (กำหนดเป้าหมายไปยังบุคคลหรือหน่วยงานที่เฉพาะเจาะจง), whale phishing (กำหนดเป้าหมายบุคคลสำคัญ เช่น ซีอีโอ), SMiShing (ดึงข้อมูลผ่านทางข้อความ), vishing (ดึงข้อมูลด้วยเสียงที่เกิดขึ้นทางโทรศัพท์โดยปกติจะผ่านการแอบอ้างบุคคลอื่น)
Phreaking = เมื่อเครือข่ายโทรศัพท์ถูกแฮ็กเพื่อโทรฟรีหรือมีการเรียกเก็บเงินจากบัญชีอื่น
Piggybacking = เข้าถึงเครือข่ายโดยใช้การเชื่อมต่อของผู้ใช้ที่ถูกต้องที่มักจะไม่ออกจากระบบก่อนที่จะเลิกใช้งาน
Polymorphic Virus = ไวรัสที่เปลี่ยนแปลงรอยเท้าดิจิทัลทุกครั้งที่ทำซ้ำแบบเพื่อหลบเลี่ยงซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส
Pwned = ได้รับการจัดสรรหรือได้รับการควบคุมที่อยู่อีเมลของคุณหรือข้อมูลส่วนบุคคลทางไซเบอร์อื่นๆ
Ransomware = มัลแวร์ที่เข้ารหัสข้อมูลหรือล็อกคอมพิวเตอร์จนกว่าจะมีการจ่ายค่าไถ่
Rogue Security Software = มัลแวร์ที่แอบอ้างว่าเป็นซอฟต์แวร์กำจัดมัลแวร์
Rootkit = ปลอมตัวเป็นไฟล์ปกติที่ “ซ่อนอยู่” ดังนั้นซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสของคุณจึงมองข้ามไฟล์เหล่านี้ไป โดยมีเป้าหมายคือขโมยข้อมูลประจำตัวจากคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าควบคุมระบบ ตรวจจับและนำออกได้ยาก
Sextortion = แผนการแบล็กเมล์ที่ขู่ว่าจะเผยแพร่เนื้อหาส่วนตัวที่ละเอียดอ่อนหรือน่าอับอาย เว้นแต่คุณจะจ่ายค่าไถ่หรือให้ภาพทางเพศ
Sniffing attack = การดักจับข้อมูลเครือข่ายที่ไม่ได้เข้ารหัสโดยใช้ sniffer malware
Spoofing = เมื่ออาชญากรไซเบอร์พยายามเข้าสู่คอมพิวเตอร์โดยปลอมแปลงเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น email spoofing (ตั้งหัวข้ออีเมลให้ดูเหมือนว่ามาจากบุคคลที่น่าไว้ใจ), IP spoofing (ใช้ที่อยู่ IP ปลอมเพื่อแอบอ้างเป็นเครื่องที่เชื่อถือได้) และ address bar spoofing (ใช้มัลแวร์เพื่อบังคับให้คุณดูหน้าเว็บที่ต้องการ)
Spyware = มัลแวร์ที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคุณ โดยปกติจะติดตามการใช้อินเทอร์เน็ตของคุณและแสดงโฆษณาป๊อปอัป
Time Bomb = มัลแวร์ที่จะระเบิดในเวลาหรือวันที่กำหนด คล้ายกับ Logic Bomb ที่เป็นมัลแวร์ที่จะดำเนินการเมื่อตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด เช่น เมื่อเปิดไฟล์
Trojan horse = ซอฟต์แวร์ที่แสร้งทำเป็นว่ามีประโยชน์ แต่อันที่จริงเป็นมัลแวร์
Virus = มัลแวร์ที่คัดลอกตัวเองและติดไวรัสที่คอมพิวเตอร์หรือไฟล์ของคุณ
Wardriving = การขับรถไปรอบๆ เพื่อใช้ประโยชน์หรือรวบรวมข้อมูลจากเครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย
Worm = มัลแวร์ที่จำลองตัวเองและส่งตัวเองไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นในเครือข่ายของคุณ
Zombie = มัลแวร์ที่ใช้ควบคุมระบบจากระยะไกลในเวลาต่อมา
ถือเป็นลิสต์คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่มีประโยชน์และทำให้รู้ความรู้รอบตัวในหัวข้ออาชญากรรมไซเบอร์เพิ่มขึ้นอีกด้วย รู้แบบนี้แล้วก็ระวังการท่องโลกอินเทอร์เน็ตให้ดีล่ะ!
ที่มา: leapfrogservices