สำหรับประเทศเยอรมนีก็เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศจุดมุ่งหมายของนักศึกษาหลายๆ คน เพราะว่าด้วยความที่มาตรฐานของระบบการศึกษาที่ดี และคุณภาพชีวิตของของประเทศนี้นั่นเอง
และหากจะพูดถึงการเรียนต่อเยอรมนีแล้ว ทุนการศึกษาที่จะมองข้ามไม่ได้เลยนั่นก็คือ ทุน DAAD นั่นเอง วันนี้ก็ได้เจอบทความดีๆ ของทาง SucceedGermany เกี่ยวกับการเตรียมตัวเรียนต่อเยอรมนีกับการขอทุน DAAD มาฝากกันครับ มาดูกันเลยดีกว่า
ทุน DAAD (อ่านว่าทุน ดีเอเอดี) เป็นคำย่อของทุน Deutscher Akademischer Austausch Dienst ที่เป็นภาษาเยอรมัน หรือเราจะเรียกในภาษาอังกฤษว่า German Academic Exchange Service ซึ่ง เป็นหน่วยงานของรัฐบาลเยอรมันที่ให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนทั้งนักเรียนเยอรมันที่จะไปเรียนต่าง ประเทศและนักเรียนต่างชาติที่จะมาเรียนที่เยอรมันครับ
โดยขั้นแรกเลยเราก็ต้องหาข้อมูลหลักสูตร มหาวิทยาลัยที่ใช่ และ DAAD สนับสนุน เพราะ DAAD ไม่ได้ให้ทุนทุกมหาวิทยาลัย เมื่อได้ข้อมูลส่วนนี้แล้วก็จะรู้ว่าคณะที่เราต้องการจะเข้าต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง เช่น เรียนดี ภาษาเยอรมันได้ระดับไหน ภาษาอังฤษ TOEFL เท่าไร เป็นต้น จะได้มาเตรียมตัวถูก หาสัก 4-5 มหาวิทยาลัยและคณะจ้า
ทีนี้พอเราสามารถหามหาวิทยาลัยได้แล้ว ก็ทำการติดต่อโปรเฟสเซอร์ ของแต่ละคณะในมหาวิทยาลัยนั้นๆ กันได้เลย ในเยอรมันทุกที่จะมีอีเมล์ของ โปรเฟสเซอร์หรืออาจารย์ที่เป็นที่ปรึกษาของนักศึกษาต่างชาติ ก็เขียนอีเมล์ไปแนะนำตัวว่าตอนนี้กำลังเรียนอะไร ทำ Thesis เรื่องอะไร ทำงานวิจัยอะไรมาบ้าง อยากทำงานวิจัยในปริญญาโทเรื่องอะไร แล้วก็ขอคำแนะนำว่าถ้าเราอยากไปเรียนที่เยอรมันที่มหาวิทยาลัยที่โปรเฟสเซอร์สอนอยู่ เราต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง แล้วก็รออย่างใจเย็นนะจ๊ะ
ต่อมาเราก็ควรจะไปโฟกัสที่การฝึกฝนภาษาอังกฤษและภาษาเยอรมันให้อยู่ในระดับดี ถึงภาษาอังกฤษจะใช้กันแพร่หลาย แต่ภาษาเยอรมันก็สำคัญเช่นกันเพราะเราจะใช้ทุกๆ วัน และทำการสอบด้วยนะจ๊ะ และที่สำคัญควรควรสอบวัดระดับภาษาอังกฤษและภาษาเยอรมันให้อยู่ในระดับมาตรฐานสากลที่ส่วนใหญ่เขายอมรับ จะทำให้การขอทุนง่ายขึ้นมากๆ เลยล่ะ
หลังจากนั้นก็จะขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราสั่งสมมาแล้ว นั่นก็คือควรเรียนให้มีเกรดเฉลี่ยอย่างน้อยๆ 3.00 ขึ้นไป สำหรับบางคณะและมหาวิทยาลัย จะรับนักศึกษาที่ผ่านการสัมภาษณ์จาก DAAD เมืองไทย เพียงอย่างเดียว ซึ่งเกรดก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นการสะท้อนพฤติกรรมของน้องๆว่าตั้งใจ เรียนขนาดไหนนั่นเอง
และระหว่างเรียนเพื่อนๆ ก็อย่าลืมทำกิจกรรมนอกหลักสูตรบ้าง เพื่อจะได้มีอะไรลงไปเขียนในเรซูเม่ ทำให้ทางผู้มอบทุนรู้ว่าเราไม่ได้เรียนเป้นอย่างเดียว แต่ปรับตัวเข้ากับสังคมได้ดีอีกด้วย และที่สำคัญอย่าลืมให้อาจารย์เขียนหนังสือรับรองให้ ซึ่งถ้าผลการเรียนดี รวมถึงเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ อยู่บ่อยๆ ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรแล้วล่ะจ้า
การเสริมสร้างโปรไฟล์ตัวเองให้ดูดีก็สำคัญเพราะบางสาขาถ้ามีโปรไฟล์ที่ดีก้สามารถช่วยได้เยอะเลยล่ะ เช่นการแข่งขัน ประกวดต่างๆ แต่ต้องเน้นย้ำว่าเกี่ยวกับสาขาที่จะขอนะจ๊ะ ไม่งั้นก็ไม่มีผลอะไร…
เรื่องสุดท้ายต้องเตรียมในส่วนของเอกสารจ้า หลักๆ แล้วก็จะมี
– Application form สำหรับบางมหาวิทยาลัยที่อาจจะมีแบบฟอร์มให้กรอกด้วย
– DAAD scholarship application form
– Biography– typed
– Biography – handwritten
– ประวัติส่วนตัว (CV -Resume)
– Study plan หรือ statement of purpose
– B.Engcertificate and transcript of records
– จดหมายแนะนำ (letters of recommendations)
– ใบรับรองทางภาษา (Language certificate) แล้วแต่มหาวิทยาลัย เช่น ภาษาอังกฤษ ก็ TOELF, TOICE ภาษาเยอรมัน ก็ DSH, TestDaF เป็นต้น
-The other documents เช่น เอกสารรับรองทางการเงิน (financial statement) เพื่อเตรียมขอวีซ่า
เมื่อเราก็พร้อมแล้ว ก็เดินหน้าขอทุนและไปเรียนต่อกันที่ประเทศเยอรมนีกันเลย! จำไว้ว่าทุนการศึกษานั้นอยู่ไม่ไกล เราสามารถทำได้ สู้ๆ กันนะครับ รับรองว่าไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอนถ้าเรามีการเตรียมตัวเตรียมใจที่ดี :)