ในอดีต อาจมีเพียงการจารึกชื่อผู้นำทางวิชาการที่เป็นบุรุษ และผลงานทางวิชาการส่วนใหญ่ที่ได้รับการยอมรับก็มาจากผู้ชายซะส่วนมาก ทว่าในปัจจุบัน นี่อาจเป็นยุคทองที่สตรีจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในด้านการศึกษา
ตามการสำรวจประชากรปัจจุบันของสำนักสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐฯ ซึ่งสำนักข่าว Bloomberg ได้รายงานว่า จำนวนของผู้หญิงที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีมีมากกว่าผู้ชาย รวมถึงระดับปริญญาโทด้านวิชาชีพ และระดับปริญญาเอกด้วย
มีรายงานว่า ผู้หญิงผิวขาวมากกว่า 529,000 คนที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 34 ปีได้รับปริญญาตรีในปี 2017 เมื่อเทียบกับชายผิวขาวเพียง 443,800 ราย
นอกจากนี้ ยังมีสตรีจากชนชาติอื่นๆ ทั้งชาวเอเชีย 77,500 คน กลุ่มคนผิวสี 75,600 คน และชาวสเปน 94,700 คนที่ได้รับปริญญาตรีในปี 2017 เมื่อเทียบกับผู้ชายจำนวน 67,200 คน 60,700 คนและ 74,300 คนในกลุ่มเดียวกัน
ช่องว่างนี้สอดคล้องกับการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาเช่นกัน จำนวนนักศึกษาหญิงทั้งหมด 302,100 คนได้รับปริญญาโทด้านวิชาชีพ และระดับปริญญาเอกในปี 2017 เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรชาย 224,300 คน
ข้อมูลสำหรับปี 2017 ระบุถึงผลการค้นพบที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่:
– ผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 18 – 24 ปีได้รับปริญญาโทมากกว่าสองในสาม (อธิบายเพิ่มเติม : ในขณะที่ผู้ชายสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทได้ 100 คน ผู้หญิงสามารถสำเร็จการศึกษาในระดับนี้ได้ถึง 167 คน)
– ผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 18 – 24 ปี เป็นสามในสี่ของผู้ที่ได้รับการรับรองระดับมืออาชีพ และเป็นสัดส่วน 80 เปอร์เซ็นต์ของระดับปริญญาเอกทั้งหมด
– ผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 25 – 34 ปีได้รับปริญญาเอกเป็นส่วนใหญ่
– ในเอเชีย ผู้หญิงมีวุฒิปริญญาโท หรือปริญญาเอก มากกว่าผู้ชาย
– ผู้หญิงมีความได้เปรียบในด้านความสำเร็จในระดับปริญญาโทตั้งแต่ปี 1981
รองประธานฝ่ายนักเรียนนักศึกษา และนักเรียนที่มีส่วนร่วมในการศึกษาระดับสูง พยายามที่จะเพิ่มจำนวนผู้สมัครเข้าเรียนที่เป็นผู้ชายให้มากขึ้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขากังวลว่าผู้หญิงจะกลายเป็นต้นแบบการศึกษาให้ผู้ชาย แต่อาจเป็นการพยายามลดช่องว่างและกระตุ้นให้เพศชายมีการลงทุนด้านการศึกษาที่เพิ่มมากขึ้น
*หมายเหตุ: บทความนี้เป็นการเล่าข่าวในแวดวงการศึกษาสู่กันฟัง ไม่ได้มีเจตนาจะสร้างกระแสในแง่ลบ เพราะฉะนั้น อย่าพึ่งดราม่ากันนะจ๊ะ :)
ที่มา: masterstudies