ตามข้อมูลรายไตรมาสเกี่ยวกับผู้ถือวีซ่านักเรียนโดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่าจำนวนนักศึกษาต่างชาติทุกระดับชั้นที่กำลังศึกษาอยู่ในสหรัฐอเมริกาลดลงประมาณ 2.7 เปอร์เซ็นต์ จากมีนาคม 2018 ถึงมีนาคม 2019
Inside Higher Ed รายงานว่า จำนวนนักศึกษาต่างชาติที่กำลังเรียนอยู่ในสหรัฐฯ สำหรับภาคฤดูใบไม้ผลิมีจำนวนทั้งสิ้น 1,169,464 คน เมื่อเทียบกับปีก่อนซึ่งมีจำนวนนักเรียนต่างชาติอยู่ที่ 1,201,871 คน
นอกจากนี้ยังมีผลการสำรวจประจำปีของ Open Doors ที่เปิดเผยตัวเลขการลงทะเบียนของนักศึกษาในระดับปริญญาตรีซึ่งลดลง 6.3 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ระดับบัณฑิตศึกษาลดลง 5.5 เปอร์เซ็นต์ และลดลง 9.7 เปอร์เซ็นต์ในหลักสูตรประกาศนียบัตร จากปี 2016-2017 ถึง 2017-2018
นักศึกษาต่างชาติส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ คือนักศึกษาที่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่ามีอัตราลดลงประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ในทุกปี ขณะที่จำนวนนักศึกษาจากอินเดียลดลง 1.2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือเป็นกลุ่มนักศึกษาต่างชาติที่ใหญ่เป็นอันดับสองในสหรัฐอเมริกา
ส่วนจำนวนนักเรียนจากเกาหลีใต้ ประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับสามสำหรับนักเรียนต่างชาติลดลง 7.6 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่จำนวนนักเรียนจากซาอุดิอาระเบียลดลงมากถึง 17.1 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบเป็นรายปี กล่าวกันว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการลดจำนวนโครงการทุนการศึกษาของรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย
หนังสือพิมพ์ South China Morning Post รายงานว่า ปัญหาที่มีส่วนต่อการลดลงของจำนวนนักศึกษาจากจีนส่วนหนึ่งมาจากความล่าช้าในการขอวีซ่า ซึ่งในบางกรณีเสมือนบังคับให้นักศึกษาต้องออกจากมหาวิทยาลัยหลังจากที่พวกเขากลับบ้านเกิดเพื่อต่ออายุวีซ่า และไม่สามารถกลับเข้ามาได้เนื่องจากการถูกสอบสวนที่เรียกว่า “อยู่ระหว่างการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ (Administrative processing)”
ซึ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาที่สืบเนื่องมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ด้วยข้อจำกัดของวีซ่าสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบต่อนักศึกษาปริญญาเอก และผู้ที่ศึกษาในวิชาเอกวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์
ในรายงานยังระบุอีกว่า ในช่วงปีที่ผ่านมาสหรัฐฯ ได้เพิ่มความปลอดภัยให้กับชายแดน ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเชื่อที่ว่าจีนกำลังใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีของสหรัฐเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมของตน
Institute of International Education กล่าวเสริมไว้ว่า “นักศึกษาต่างชาติส่งผลกระทบทางการเงินของสหรัฐอเมริกาอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2017 มีส่วนช่วยต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประมาณ 42.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมาในรูปแบบของค่าเล่าเรียน ค่าที่อยู่อาศัย ค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายอื่นๆ”
ดังนั้นการลดลงของจำนวนนักศึกษาต่างชาติที่ลงทะเบียนในมหาวิทยาลัยอเมริกัน อาจหมายรวมถึงรายได้ของประเทศที่ลดลงตามไปด้วย
ที่มา: studyinternational