หนึ่งในเอกสารที่สำคัญและขาดไม่ได้สำหรับการเรียนต่อคือ Motivation Letter ที่จำเป็นทั้งกับการขอทุนการศึกษา การฝึกงาน หรือการสมัครงาน หลายคนอาจจะเห็นว่ามันคือกระดาษใบเดียว แต่บอกเลยว่าการแข่งขันนั้นวัดกันที่เอกสารแผ่นนี้ได้เลยล่ะ!
แม้การเขียน Motivation Letter จะไม่ใช่เรื่องง่ายแถมยังไม่มีรูปแบบที่ตายตัว แต่นั่นคือหลักของมันที่ต้องการสร้างเอกลักษณ์ของผู้เขียนแต่ละคนนั่นเอง มาดูเคล็ดลับการเขียน Motivation Letter ให้ตรงใจทั้งผู้อ่านและตัวคุณเอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเป็นผู้สมัครตัวเต็งได้เลย :)
#1 ตั้งคำถามว่า ‘ทำไม?’
จะได้ตอบตัวเองให้ตรงจุดว่าต้องการสมัครเพราะอะไร? คำถามนี้จะช่วยให้คุณเห็นสิ่งที่คุณสนใจที่อยากจะสมัครได้ชัดเจนขึ้น และจะทำให้สร้างความโดดเด่นของ Motivation Letter ของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น อาจหาประสบการณ์ของตัวเองที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณสนใจเพื่อสร้างเอกลักษณ์ที่โดดเด่น เช่น งานวิจัยที่เคยทำ หรือหน้าที่ความรับผิดชอบที่เคยได้รับ เป็นต้น
#2 นึกถึงจุดประสงค์ของการสมัคร
ข้อนี้มีผลสำคัญต่อคณะกรรมการและผู้ประเมิน เพราะแน่นอนอยู่แล้วว่าพวกเขาต้องการทราบว่าคุณจะสนับสนุนในส่วนใดให้กับการเข้าร่วมในโปรเจกต์ หรือในบริษัทได้บ้าง และคุณต้องรู้ด้วยว่าสิ่งๆ นี้จะเป็นประโยชน์ต่ออาชีพของคุณได้อย่างไรเช่นกัน ถือเป็นการได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
เพราะฉะนั้นในส่วนนี้คุณควรชี้เฉพาะเจาะจงให้เห็นถึง ‘คุณค่าและความสามารถ’ ของคุณที่โดดเด่นและแตกต่างจากผู้สมัครคนอื่น มันอาจเป็นความซื่อสัตย์ ความเป็นมืออาชีพ หรืออะไรก็ตามที่คุณถนัดและเกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่คุณสมัคร
#3 นำเสนอตัวเองให้ถูกวิธี
วิธีนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการของแต่ละคนที่จะสะท้อนให้เห็นถึงความเหมาะสมและความตั้งใจทั้งหมดที่คุณเขียนลงไป
แต่มีเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ คือในย่อหน้าแรกนั้นให้แสดงความมั่นใจของคุณว่าคุณโดดเด่นและมีความสามารถจริงๆ แม้อาจจะไม่ได้รับประกันว่ามันจะสำเร็จ แต่การแสดงความมั่นใจในย่อหน้าแรกก็ช่วยให้คณะกรรมการและผู้อ่านประเมินว่าคุณมีค่าและมีของดี!
อย่าลืมว่า Motivation Letter คือจดหมายที่สำคัญ แต่การเตรียมความพร้อมให้กับส่วนอื่นๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน เตรียมตัวให้ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง!
ที่มา: mladiinfo