ออสเตรเลียนับเป็นอีกหนึ่งประเทศที่นักศึกษาต่างชาตินิยมไปเรียนต่อมากที่สุด รวมทั้งประเทศไทยด้วย
ในแต่ละปี มีทุนการศึกษาที่ให้การสนับสนุนนักเรียนต่างชาติ รวมทั้งปัจจัยอื่นๆ ที่เอื้ออำนวยให้ออสเตรเลียเป็นแหล่งตลาดงานชั้นดี สำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทั้งภาษา และการทำงานที่ก้าวหน้า
ในปีนี้ มีการรายงานว่า นักศึกษาต่างชาติมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของประชากรออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ของประเทศ ทั้งในระดับท้องถิ่น ไปจนถึงเมืองหลวง
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากจำนวนประชากรนักศึกษาต่างชาติจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญให้กับระบบเศรษฐกิจ ยังเป็นประโยชน์ต่ออนาคตของออสเตรเลียอีกด้วย
ในความเป็นจริงก็คือ นักเรียนต่างชาติเหล่านี้ มักจะเรียนให้ครบสี่ปี ก่อนจะยื่นขอวีซ่าทำงานหลังเรียนจบ
อ้างอิงจากบทความล่าสุดใน ABC.net.au รองอธิการบดีของมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (ANU) ศาสตราจารย์ Brian Schmidt ได้แย้งว่า การไหลเข้าของนักศึกษาต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้นนี้ ไม่ได้เป็นการแย่งงานสำหรับคนในท้องถิ่น
รายงานของ ABC.net.au ระบุว่าในเดือนมีนาคมปี ปี 2018 ที่ผ่านมา มีจำนวนนักศึกษาถึง 50,000 คนที่เรียนจบแล้วและยังคงอยู่เพื่อหางานต่อในออสเตรเลีย การขอวีซ่า 485 เพิ่มขึ้นมากกว่า 16,000 รายในเวลาเพียงปีเดียว
ABC รายงานว่าโฆษกของพรรคแรงงานออสเตรเลียนาย Shayne Neumann กล่าวว่า ในขณะที่นักศึกษาต่างชาติเป็นปัจจัยสำคัญในด้านเศรษฐกิจ การเติบโตอย่างรวดเร็วของผู้สำเร็จการศึกษาเกี่ยวกับวีซ่า 485 อาจเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง
“มันเป็นหน้าที่ของรัฐบาล Turnbull เพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการและการรองรับการการย้ายถิ่นของออสเตรเลียมีประสิทธิภาพ”
ภายใต้วีซ่า นักเรียนต่างชาติสามารถทำงานได้ถึง 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในแต่ละเทอม แต่สำหรับการทำงานหลังจบการศึกษา จะไม่มีข้อจำกัด ด้านเวลาหรืออื่นๆ
วีซ่า 485 มีระยะเวลาสองปีหลังจากจบการศึกษา หรือไม่เกินสี่ปี ขึ้นอยู่กับวุฒิการศึกษา (สำหรับผู้ที่จบปริญญาอย่างน้อยสองปี)
บางคนใช้วิธีนี้เพื่อย้ายถิ่นฐานมาอยู่ออสเตรเลียเป็นการฐาวร รองนายกฯของ ANU กล่าวว่า
“วีซ่ามี “ความยืดหยุ่น” และ “เป็นแรงจูงใจทางการเงิน” สำหรับนักเรียน “แต่นั่นหมายความว่า บัณฑิตที่ได้รับการฝึกฝนและเรียนจบในออสเตรเลียไม่ว่าชาติใดก็ตาม จะได้รับโอกาสในการเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจของประเทศ และขับเคลื่อนให้มันก้าวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ที่มา: masterstudies