ปัญหาระหว่างครูกับผู้ปกครองเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมานาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแล การเข้าสังคม หรือแม้แต่การบ้านที่เมื่อเร็วๆ นี้ก็พึ่งมีตัวอย่างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับมะม่วงของโจ้กับจอยมาให้ชาวเน็ตได้ถกเถียงกัน (ภายหลังฝ่ายคุณครูออกมายอมรับว่าตรวจผิดและขอโทษแล้ว)
สาเหตุอาจเพราะต่างฝ่ายต่างก็มีวิธีดูแลเด็กในบ้านและนอกบ้านที่แตกต่างกันไป แน่นอนว่าทั้งนี้ ก็มาจากความหวังดีที่มีให้กับเด็กๆ ทั้งนั้น
ในคราวที่แล้วเราได้นำเสนอบทความเกี่ยวกับสิ่งที่คุณครูอยากบอกกับผู้ปกครอง คราวนี้เราจะพาคุณมาดูความในใจจากฝั่งพ่อแม่กันบ้าง
(อ่านต่อได้ที่ : 10 เรื่องที่อยู่ในใจของเหล่าคุณครู อยากบอกให้ผู้ปกครองได้รับรู้ แต่พูดออกไปไม่ได้)
1. ได้โปรดบอกเราอย่างซื่อตรง
การศึกษาเป็นเรื่องที่ต้องร่วมมือกันทั้งสองฝ่าย เมื่อพ่อแม่มอบความไว้วางใจให้ครูดูแลลูกๆ ของพวกเขาแล้ว พวกเขาก็คาดหวังว่าจะได้รับรายงานเกี่ยวกับลูกๆ ที่เป็นจริง เพื่อหาทางให้ความร่วมมือที่เหมาะสม
2. โปรดอย่าทำให้พ่อแม่ที่มีงานยุ่งต้องรู้สึกผิด
บางครั้ง ในกิจกรรมต่างๆ ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นก็อาจทำให้พ่อแม่หลายคนรู้สึกผิดกับการไม่มีเวลาว่างมากพอจะเข้าร่วม
ถ้ายกตัวอย่างในบ้านเรา คุณแม่บางคนอาจต้องทำงานหนักจนไม่มีเวลามาร่วมงานวันเเม่ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น และนั่นอาจทำให้ทั้งเด็กและคุณแม่รู้สึกแย่ไปตามๆ กัน อาจเป็นการดีกว่าที่ดูว่าครอบครัวไหนมีความพร้อมในกิจกรรมใด และเปลี่ยนแปลงกิจกรรมตามความเหมาะสม
3. วันแต่งแฟนซีคือสิ่งที่น่าหวาดหวั่น
พ่อแม่เข้าใจว่าการแต่งแฟนซีเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและสนุกสนาน เด็กบางคนอาจชอบที่จะได้แต่งตัวแปลกๆ ไปโรงเรียนเพื่อร่วมสนุกกับเพื่อนๆ
แต่บางครั้ง กับบางกิจกรรม โจทย์ที่ทางโรงเรียนกำหนดมา (อย่างเช่นเเฟชั่นกรีก หรือ แฟชั่นสไตล์วิคตอเรียน) ก็ทำให้ผู้ปกครองไม่ได้มีไอเดียอะไรมากกว่าการติดกิ๊ฟให้ลูกๆ และนั่นอาจทำให้เด็กๆ รุ้สึกไม่สนุกอย่างที่ควรเป็น
4. โปรดอย่าลงโทษเด็กผู้ชายเกินจำเป็น
แน่นอนว่าความซน ความเกเร และวีรกรรมของเด็กผู้ชายมักมีเรื่องให้คุณครูปวดหัวได้มากกว่าเด็กผู้หญิง และพวกเขายังสอนได้ยากกว่าด้วย แต่พ่อแม่อยากให้คุณครูสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กอยากเป็นเด็กดี มากกว่าการลงโทษด้วยความรุนแรงหรือการตำหนิ
5. โรงเรียนไม่ใช่คุกแห่งความกดดันนะ
พ่อแม่หลายคนไม่ได้ต้องการความสมบูรณ์แบบหรอกนะ สิ่งที่พวกเขาต้องการคือให้ลูกๆ สามารถมีส่วนร่วมได้ในหลายกิจกรรม รวมทั้งมีความสนุกสนานไปกับทุกการเรียนรู้ ดังนั้น ไม่ต้องกดดันพวกเขามากนักก็ได้
6. เราไม่ชอบช่วง parents’ evenings เลย
พ่อแม่ต่างรู้ว่าช่วงเวลานี้สำคัญ เพราะทางโรงเรียนจะบอกเราเกี่ยวกับพฤติกรรมที่่น่าเป็นห่วงของลูกๆ ในโรงเรียน แต่การนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กๆ ต่อหน้าคุณครูด้วยบรรยากาศแสนอึดอัดก็ยังเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ชอบเลยจริงๆ
7. การส่งจดหมายมาที่บ้าน อาจไม่ถึงมือเราโดยตรงหรอกนะ
ว่ากันตามจริงแล้ว ผู้ปกครองส่วนใหญ่มักทำงานยุ่งกันจนบางครั้งก็ลืมไปรับลูกของตัวเอง ดังนั้นอย่าคาดหวังเลยว่าพวกเขาจะเจอจดหมายที่คุณฝากเด็กๆ ไปให้ผู้ปกครอง อาจเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า ถ้าคุณจะโทรไปบอก หรือส่งข้อความทางอื่นแทน (ส่งไลน์ ส่งแชท หรืออะไรที่พวกเขาต้องเช็กบ่อยๆ)
8. เราไม่ค่อยเข้าใจกระบวนการให้คะแนนที่ซับซ้อน
พ่อแม่หลายคนเข้าใจแต่เพียงว่า ในการเรียน 4 ปี ลูกๆ ควรมีเกรดเท่าไหร่จึงจะถือว่าดี สิ่งที่ซับซ้อนกว่านี้พวกเขาไม่เข้าใจหรอก
9. เราอยากอธิบายเกี่ยวกับเรื่องการบ้าน
สิ่งที่พ่อแม่คาดหวังโดยมาก คือการบ้านที่สมเหตุสมผล เป็นสิ่งที่เด็กๆ จะเรียนรู้ได้อย่างแท้จริง ให้เวลาทำอย่างเหมาะสม (ไม่ใช่ส่งโครงงานวันนี้ วันจันทร์ส่ง) และงานฝีมือควรเหมาะกับวัยของเด็ก ไม่อย่างนั้นก็ต้องเป็นพ่อแม่ที่ต้องทำให้เพื่อความปลอดภัย
10. เราต่างเป็นมนุษย์ที่คุยกันด้วยเหตุผลได้
พ่อแม่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่งี่เง่าเสมอไป เราเป็นมนุษย์ที่อาจทำผิดพลาดในบางครั้งเพราะความรักและเป็นห่วงลูก แต่หลายอย่างเราสามารถทำความเข้าใจได้ หากทางโรงเรียนจะอธิบายถึงเหตุผลที่ฟังเเล้วสมเหตุสมผล
ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างความในใจจากฝั่งผู้ปกครองที่อยากบอกให้เหล่าคุณครูและทางโรงเรียนได้รับรู้ ไม่ว่าจะข้อขัดแย้งใดก็ตาม แต่หากเพื่อผลประโยชน์ของเด็กๆ เราควรหันหน้าเข้าหากันและทำความเข้าใจเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการช่วยพัฒนาเด็กๆ ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน
ที่มา: theguardian