นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบสิ่งมีชีวิตทางทะเลที่มีรูปร่างยาวเหยียด พวกมันมีชื่อว่า “ไซโฟโนฟอร์” (Siphonophore) ถูกค้นพบที่ใต้ทะเลลึกใกล้ Western Australia ประเทศออสเตรเลีย
แม้จะเป็นที่ทราบกันดีว่าปกติไซโฟโนฟอร์นั้นมีลักษณะตัวยาวอยู่แล้ว แต่เชื่อว่าที่ค้นพบที่ประเทศออสเตรเลียแห่งนี้น่าจะเป็นขนาดยาวที่สุดที่เคยเจอมา!
โดยวงแหวนรอบนอกของมันอาจมีความยาวถึงประมาณ 150 ฟุต และถ้านั้นเป็นความจริงล่ะก็ นั่นหมายความว่าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้จะยาวกว่าปลาวาฬสีน้ำเงินถึง 50 ฟุต!!
ไซโฟโนฟอร์คือสิ่งมีชีวิตในทะเล พวกมันอาศัยอยู่ในน้ำลึก และมีความเกี่ยวข้องทางสายพันธุ์กับไฮดรอยด์, แมงกะพรุน และปะการัง พวกมันยังเป็นสัตว์กินเนื้อ โดยจะกินสัตว์จำพวกปลาขนาดเล็ก กุ้งขนาดเล็ก และโคพอดเป็นอาหาร
ลักษณะเด่นของสัตว์ชนิดนี้คือมันจะต้องอาศัยอยู่กับพรรคพวกบริวารที่อยู่ในสปีชีส์เดียวกัน มาอาศัยอยู่รวมกัน เพื่อป้องกันตนเองจากการโจมตีของศัตรู รวมถึงเพื่อโจมตีเหยื่อที่มีขนาดใหญ่กว่า เป็นต้น
โดยในกลุ่มของไซโฟโนฟอร์นั้น แต่ละตัวจะมีหน้าที่ที่แตกต่างกัน บางตัวก็เพียงแค่ว่ายน้ำไปมา บางตัวก็อยู่ในฝูงเพื่อกินอาหาร บางตัวก็ทำหน้าที่กัดต่อย
ลักษณะภายในของไซโฟโนฟอร์
การค้นพบไซโฟโนฟอร์ครั้งนี้ยังได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก เพราะได้ค้นพบในพื้นที่ที่นอกเหนือความคาดหมาย
การค้นพบนี้พบโดยนักวิทยาศาสตร์ที่อยู่ระหว่างการสำรวจขององค์การไม่แสวงผลกำไรอย่าง Schmidt Ocean Institute โดย Nerida Wilson หัวหน้าคณะสำรวจและนักวิทยาศาสตร์อาวุโสด้านการวิจัยจากพิพิธภัณฑ์ Western Australia เปิดเผยว่า
“เราต่างไม่ได้คาดหวังว่าจะค้นพบมันในที่แห่งนี้ เพราะปกติสิ่งมีชีวิตชนิดนี้จะถูกพบเห็นในพื้นที่ที่ลึกถึง 630 เมตร แต่มันกลับโผล่มาให้เห็นอย่างน่าอัศจรรย์”
นักวิทยาศาสตร์จึงได้พยายามค้นหาความยาวที่แท้จริงของมัน โดยเชื่อว่ามันมีความยาวรวมกว่า 120 เมตรหรือ 390 ฟุต โดยจากวิดีโอจะพบว่าสิ่งมีชีวิตนี้คาดว่าจะยาวกว่าปลาวาฬหลังค่อมถึงสาม เท่าและยาวเป็นสองเท่าของวาฬสีน้ำเงิน
การค้นพบไซโฟโนฟอร์นี้เกิดขึ้นในพื้นที่คุ้มครองที่เรียกว่า bioregion ชายฝั่ง Gascoyne นักวิทยาศาสตร์ยังบอกอีกว่ายังมีสัตว์ใต้พื้นมหาสมุทรที่รอให้สำรวจและเรียนรู้
วิดีโอเปิดเผยสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล
แม้ว่ามันจะเป็นพื้นที่คุ้มครองของมหาสมุทร แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพที่ซ่อนอยู่ นักวิจัยจึงมีเป้าหมายที่จะสำรวจในบริเวณนี้มากขึ้น ช่างเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและน่าค้นหาไปตามๆ กัน!
ที่มา: theguardian & forbes