ญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในประเทศแถบเอเชียที่ได้รับการยอมรับในมาตรฐานและคุณภาพด้านการศึกษา ทั้งยังเป็นดินแดนแห่งทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาต่างชาติทั่วโลก นอกจากนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ยังหลงใหลในวัฒนธรรมแห่งแดนปลาดิบนี้ด้วย
โรงเรียนในประเทศญี่ปุ่นรวมถึงสถานศึกษาอื่นๆ มีมาตรฐานการศึกษาที่สูงมาก และเป็นหนึ่งในผู้นำของโลกด้านเทคโนโลยีและการวิจัยอันทันสมัย นอกจากความก้าวหน้าทางเทคนิคแล้ว มหาวิทยาลัยของญี่ปุ่นยังได้รับการยอมรับอย่างสูงในสาขาวิชาอื่นๆ เช่นรัฐศาสตร์ อีกทั้งในปัจจุบัน ยังมีมหาวิทยาลัยถึง 13 แห่งที่เปิดสอนหลักสูตรภาษาอังกฤษ
ณ ที่แห่งนี้ ยังเปิดกว้างสำหรับนักศึกษาต่างชาติ โดยในแต่ละปีมีนักศึกษาที่มาจากต่างประเทศมากกว่า 130,000 คนที่ศึกษาอยู่ในญี่ปุ่น นอกจากนี้ พวกเขายังวางแผนที่จะเพิ่มจำนวนนักเรียนต่างชาติเป็นสองเท่าภายในปี 2020 โดยเสนอหลักสูตรภาษาอังกฤษเพิ่มเติม
มหาวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นมีมหาวิทยาลัย 618 แห่งที่เปิดสอนหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกศา มหาวิทยาลัยเหล่านี้จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ :
– มหาวิทยาลัยแห่งชาติ 86 แห่ง
– มหาวิทยาลัยของรัฐ 75 แห่งก่อตั้งโดยหน่วยงานท้องถิ่น
– มหาวิทยาลัยเอกชน 457 แห่ง
มหาวิทยาลัยของญี่ปุ่นเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก ได้รับการยอมรับจากการจัดอันดับ โดยมีจำนวนสถาบันถึง 13 แห่งที่ติดอันดับสถาบันทางการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก 400 อันดับแรก
ค่าเล่าเรียนและระยะเวลาของหลักสูตร
ค่าเล่าเรียนสำหรับหลักสูตรปริญญาโทเริ่มต้นที่ประมาณ 286,000 – 477,000 บาทต่อปี รัฐบาลญี่ปุ่นและมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นมีทางเลือกมากมายสำหรับการขอทุนการศึกษาและค่าสนับสนุนอื่นๆ ในแต่ละหลักสูตร
โดยทั่วไป จะใช้ประมาณเวลา 2 ปีสำหรับการเรียนปริญญาโท ทว่าอย่างไรก็ตาม สำหรับนักเรียนที่ไม่ชำนาญภาษาญี่ปุ่นอาจต้องใช้เวลาเพื่อเรียนภาษา 1-2 ปี ก่อนที่จะเข้าเรียนในหลักสูตรปริญญาโทที่สอนเป็นภาษาญี่ปุ่น
มีชั้นเรียนภาษา เตรียมอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยเอกชน วิทยาลัย และโรงเรียนมัธยมถึง 66 แห่งที่เปิดเป็นเอกชน
นักเรียนต่างชาติที่มาเรียนโดยใช้ทุนส่วนตัว จะสามารถสมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนภาษาญี่ปุ่นได้โดยตรง หากพวกเขามีทักษะภาษาที่เพียงพอ
สำหรับนักเรียนที่กำลังมองหาทุนการศึกษาภายใต้โครงการทุนการศึกษาของรัฐบาลญี่ปุ่น (Monbukagakusho) โครงการนี้จะมีข้อกำหนดที่เข้มงวดมาก รวมถึงขั้นตอนการสมัครที่ต้องใช้เวลา
นักเรียนที่รัฐบาลเป็นผู้อุปถัมภ์ จะมีข้อตกลงกันในหลายประเทศเพื่อช่วยเหลือนักเรียนด้านการศึกษาที่ญี่ปุ่น เช่น มาเลเซีย ไทย สิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต และอุซเบกิสถาน
ปีการศึกษา
ปกติปีการศึกษาของญี่ปุ่นจะเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน – มีนาคม ของอีกปี โดยทั่วไปจะมีสองภาคการศึกษา โดยภาคเรียนแรกจะเริ่มต้นตั้งแต่เดือนเมษายน – เดือนกันยายน และภาคการศึกษาที่สองจะเริ่มต้นตั้งแต่เดือนตุลาคม – เดือนมีนาคม
ฤดูร้อนของประเทศญี่ปุ่น โดยปกติแล้วจะเริ่มในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงปลายเดือนสิงหาคม ฤดูหนาวจะอยู่ในช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคม และฤดูใบไม้ผลิจะอยู่ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนเมษายน
โอกาสหลังจบการศึกษา
มีโอกาสมากมายสำหรับนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทเพื่อทำงานในอุตสาหกรรมหรือทำการวิจัยหลังจากสำเร็จการศึกษา
ในปี 2012 มีนักศึกษาต่างชาติเกือบ 8,000 คนในญี่ปุ่นที่มีงานทำในญี่ปุ่นหลังจากสำเร็จการศึกษา
นักศึกษาต่างชาติจะต้องได้รับการตอบรับให้ทำงานก่อนจึงจะสามารถสมัครเพื่อเปลี่ยนสถานะการอยู่อาศัยจากวีซ่านักเรียนเป็นวีซ่าทำงานได้
ข้อกำหนดในการขอวีซ่า
นักเรียนต่างชาติจะต้องมีวีซ่าเพื่อให้ได้เรียนในประเทศญี่ปุ่น โดยนักเรียนที่ลงทะเบียนในหลักสูตรปริญญาโทจะมีสิทธิ์ได้รับสถานะผู้อยู่อาศัยในฐานะนักศึกษาวิทยาลัย
นักเรียนสามารถยื่นขอวีซ่าโดยตรงผ่านสถานทูตญี่ปุ่นหรือสถานกงสุลในประเทศบ้านเกิดหรือสถาบันการศึกษาที่นักเรียนวางแผนที่จะศึกษา สามารถสมัครเพื่อขอรับใบรับรองคุณสมบัติ
เมื่อผู้เรียนมีใบรับรองการมีสิทธิ์พวกเขาจะยังต้องได้รับวีซ่าจากสถานทูตหรือสถานกงสุลญี่ปุ่นประจำประเทศบ้านเกิดของพวกเขาเพื่อให้สามารถเดินทางได้อยากถูกกฎหมาย
นอกจากวีซ่า นักเรียนต่างชาติจะต้องลงทะเบียนเป็นคนต่างถิ่นภายใน 90 วันหลังจากมาถึงญี่ปุ่นที่สำนักงานเทศบาลในพื้นที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่ นักศึกษาควรพกบัตรประจำตัวคนต่างถิ่นติดตัวตลอดเวลา
ประกันสุขภาพ
นักศึกษาต่างชาติมีสิทธิ์สมัครประกันสุขภาพแห่งชาติซึ่งครอบคลุมประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของค่ารักษาพยาบาล
นอกจากนี้ ในมหาวิทยาลัยบางแห่ง ยังมีแผนประกันสุขภาพพิเศษสำหรับนักศึกษาต่างชาติ ในการรับประกันสุขภาพแห่งชาติ นักเรียนจะต้องใช้บัตรลงทะเบียนคนต่างถิ่นเพื่อรับการดูแล ในส่วนของค่าธรรมเนียมสำหรับการประกันสุขภาพแห่งชาตินั้นจะแตกต่างกันไปตามท้องที่ โดยค่าบริการรายเดือนในโตเกียวจะอยู่ที่ประมาณ 3,500 เยน (ประมาณ 1,000 บาท)
นอกจากระบบการศึกษาที่ยอดเยี่ยมแล้ว ประเทศญี่ปุ่นยังขึ้นชื่อในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งจะมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับทุกคนที่ได้ไปเยือน :)
ที่มา: masterstudies