ตลาดสาขาสุขภาพมีขนาดที่ใหญ่มาก เมื่อเทียบว่ามันสามารถทำเงินหมุนเวียนได้ถึง 2.8 ล้านล้านเหรียญต่อปี
อาจด้วยเหตุนี้ ทำให้ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของโลกอย่าง Amazon และ Apple เริ่มหันมาสนใจการลงทุนในธุรกิจสายสุขภาพ โดยในขณะนี้ ทั้งสององค์กรกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ เช่นเดียวกับ Uber และบริษัทด้านเทคโนโลยีอื่นๆ เหตุผลก็คือ การลงทุนครั้งนี้มีศักยภาพมากพอที่จะทำเงินได้อย่างมากมาย
ในปี 2018 Amazon ประกาศว่าจะร่วมมือกับนักลงทุนหลายรายเพื่อจัดตั้งองค์กรอิสระด้านการดูแลสุขภาพ โครงการนี้เริ่มต้นด้วยการตั้งร้านขายยาออนไลน์ที่เรียกว่า PillPack และมีซอฟต์แวร์สำหรับอ่านเวชระเบียน
ซึ่งนั่นทำให้ในปี 2019 Amazon จะสามารถมีส่วนร่วมในบันทึกการดูแลสุขภาพของคุณ รวมถึงข้อมูลใบสั่งยาและคอยติดตามสิ่งเหล่านี้ได้
ในขณะที่บริษัทอื่นๆ ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหว อย่างเช่น Apple ได้เปิดตัวแอปพลิเคชั่น Apple Health ในปี 2018 เพื่อแสดงเวชระเบียนจากโรงพยาบาล 39 แห่งที่มีการรับรองจาก FDA (แต่ไม่อนุมัติ) สำหรับคุณสมบัติใหม่ของ Apple Watch ใหม่ที่เรียกว่า EKG
สำหรับ Uber ก็ได้มีการเปิดตัว Uber Health ในปี 2018 ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นตัวช่วยให้ผู้ให้บริการด้านสุขภาพสามารถจองบริการผู้ป่วยและผู้ดูแลได้ ผู้ชี่ยวชาญบางคนคิดว่า Uber Health อาจต้องใช้เวลาสักพักเพื่อให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของตลาดรถพยาบาล
ขณะเดียวกัน บริษัทแม่ของ Google และ Verily Life Sciences ไม่เพีงแต่มุ่งเน้นไปที่การดูแลสุขภาพ แต่ยังเป็นหนึ่งในทีมวิจัยยักษ์ใหญ่ด้านสุขภาพอีกด้วย พวกเขากำลังเร่งพัฒนาการรับรู้และสร้าง AI ที่สามารถจดจำเสียงพูด เพื่อช่วยดูแลในบ้านพักคนชรา รวมถึงเทคโนโลยีเพื่อช่วยดูแลผู้สูงอายุร่วมกับโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวกับความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันโรคหัวใจและการนอนหลับ
แม้ว่าเหตุผลใหญ่ที่บริษัทเหล่านี้เบนสายมาลงทุนในด้านสุขภาพจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ทว่าสิ่งเหล่านี้อาจนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนทั่วโลกให้ดีขึ้นได้
ที่มา: healthcarestudies