เพื่อนๆเคยสังเกตอาการคนรอบข้างเราไหมครับ ที่บางทีเขาก็ดูไม่เป็นมิตรกับใครเลย ซึ่งเราคิดว่าเขาก็คงเป็นแบบนั้น ไม่ได้ใส่ใจอะไร คนเราโตมาคนละแบบ แต่บางทีมันไม่ใช่แค่นั้นล่ะครับ เพราะมันคือโรคมารยาททางสังคมที่บกพร่อง ซึ่งถ้าเป็นไปนานๆอาจจะมีปัญหากับการใช้ชีวิตกับเรา และคนรอบข้างเขาด้วย และที่น่ากลัวคือ คนไทยเป็นโรคนี้กันเยอะมากเลย
โรคมารยาททางสังคมบกพร่อง พอได้ยินแล้วอาจจะงงๆว่ามันคือโรคอะไรกันแน่ แต่ตอนนี้มันกำลังระบาดหนักในสังคมไทย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ที่คนใกล้ตัวของคุณนั้นเป็น แต่พวกเขาไม่รู้ตัว
ขั้นเริ่มต้น
ผู้ป่วยจะมีอาการนิ่งเฉย ไม่ตอบสนองต่อการมีปฏิสัมพันธ์ปกติจากคนรอบข้าง เช่น การทักทาย การขอบคุณ หรือความช่วยเหลือจากภายนอก แต่ระบบประสาท ของผู้ป่วยจะมีความไวเป็นพิเศษหากเจอสิ่งเร้าใจในทางลบ หรือสิ่งกระตุ้นที่ตนเองไม่พอใจ โดยจะมีอาการตอบสนองอย่างรุนแรงทันทีที่ไม่ถูกใจบางสิ่ง
ขั้นกลาง
ผู้ป่วยจะไม่สามารถทำการแสดงออกถึงมารยาทพื้นฐาน เช่น การขอบคุณ การขอโทษ การรับการทักทาย การยิ้ม การตอบคำถามทั่วไปในชีวิตประจำวัน หรือการให้ความร่วมมือกับงานของส่วนรวมได้ และไม่สามารถแสดงความเห็นอกเห็นใจ หรือมีน้ำใจต่อผู้อื่นได้ หากปราศจากผลประโยชน์ตอบแทน
ขั้นรุนแรง
ผู้ป่วยจะมีอาการต่อต้านสังคมอย่างเห็นได้ชัด เหตุ+ผล จะหายไป โดยสัญชาตญาณของความเห็นแก่ตัวจะเข้ามาแทนที่ อาการภายนอกเห็นได้จากหน้าตาที่บูดบึ้ง โกรธเคืองตลอดเวลาในทุกสถานกาณ์ บางรายมีท่าเดินที่ดูแปลกผิดปกติ อันเกิดจากบุคลิกภาพที่เสื่อมไปจากการไม่แคร์ภาพลักษณ์ของตน
คิดว่าตัวเองสำคัญที่สุดในโลก คือมองว่าตัวเองสำคัญเกินกว่าจะต้องลดตัวเองลงไปทำดีกับใคร ตัวเองสำคัญจนไม่จำเป็นต้องเคารพกติกามารยาท กาละเทศะใดๆ ในสังคม เพราะเป็นหน้าที่ของคนรอบข้างที่ต้องคอยมาเอาอกเอาใจตัวเพียงฝ่ายเดียว
หากไม่ได้รับการรักษา อากเกิดผลร้ายแรงจนขึ้นคาน หรือไม่มีใครคบตลอดชีวิตได้ สังคมรังเกียจ ทำให้ผู้คนที่ได้พบเห็นไม่อยากคบค้าสมาคมด้วย ในรายที่เป็นหนักหนามากอาจถูกมองด้วยสายตาอันขยะแขยงรังเกียจได้
วิธีการรักษา
1.ยิ้มให้คนรอบข้าง
2.หัดเอาใจเขามาใส่ใจเรา
3.หัดพูดคำว่าขอบคุณ
4.หัดเป็นผู้ให้
5.เปลี่ยนจากคำว่ายอม เป็นคำว่าเข้าใจ
ในโลกนี้ เราไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวในโลกครับ การเข้าสังคมเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งของมนุษย์ ทำไมล่ะ? ก็เพราะว่าในที่ทำงาน หรือสถานศึกษา เราต้องเจอผู้คนอยู่แล้ว แล้วถ้าเราไม่รู้วิธีที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่น เราจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อย่างไรเล่า ใครที่คิดว่าเพื่อนเราเป็นโรคนี้ หรือตัวเรากำลังเป็น ต้องรีบแก้ไขแล้วนะครับ
source: flagfrog
One Comment
Comments are closed.
[…] อ้างอิงจาก https://www.scholarship.in.th/teen-not-polit/ […]