การไปเรียนต่อต่างประเทศถือเป็นความฝันของใครหลายคน สิ่งที่จะได้รับไม่ใช่แค่เพียงความรู้จากสถาบันที่มีคุณภาพเท่านั้น
แต่ดินแดนที่ห่างไกลจากบ้านเกิดยังเป็นถิ่นที่มอบประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาซื้อจากไหนได้ เฉพาะเรื่องสภาพอากาศก็แตกต่างกันพอสมควรแล้ว ยิ่งกลิ่นอายของวัฒนธรรม และอาหารการกินยิ่งแตกต่างจากที่เราเคยสัมผัสอย่างแน่นอน
ในบทความนี้เราจึงมีประสบการณ์ชีวิตนักเรียนต่างแดนจากประเทศอังกฤษมาฝากกัน บอกเลยว่าเต็มไปด้วยสีสัน และกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย
จุดเริ่มต้น
สวัสดีค่าทุกคน เราชื่อทิวลิปค่ะ ตอนนี้เรียนอยู่ Fifth Form ที่ Truro School UK ค่า ช่วงที่เราเข้ามา ถ้าเทียบจากระบบของไทย นั่นก็คือ ม.4 ค่ะ วันนี้เราจะมาแนะนำเพื่อนๆเกี่ยวกับการไปเรียนต่อที่อังกฤษค่ะ
ก่อนอื่นเลย เราต้องบอกก่อนว่าเราไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้มาเรียนที่อังกฤษ แต่คุณพ่อคุณแม่เรามีความคิดว่า ถ้าส่งให้เราไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่ตอนมัธยม เราคงปรับตัวได้ง่ายกว่าตอนมหาวิทยาลัย เพราะเรียนมหาลัยยังไงคงจะหนักกว่าใน high school แน่นอน ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ ไปตั้งแต่ตอนนี้เลยจะดีซะกว่า (ฮี่ๆๆๆ เข้าทางเลยยย เราก็อยากไปอยู่แล้วล่ะ)
ต่อมาคุณแม่ก็บังเอิญได้รู้จักบริษัท CETA พอดี ตอนนั้นพี่ๆ เค้าบอกว่ามีโรงเรียนที่อังกฤษเปิดรับสมัครและมีทุนการศึกษาให้ด้วย เราเลยลองไปสอบดู ปรากฏว่าสอบได้ เขารับเราเข้าเรียนและให้ทุนเราด้วย!! (แบบว่า ดีใจมาก 555)
ตอนนั้นมีสองโรงเรียนที่เค้าตอบรับเราเข้าเรียน แต่คุณแม่กับเราชอบ Truro School มากกว่า เพราะเรารู้สึกว่า โรงเรียนไม่ใหญ่จนเกินไป ดูแลกันทั่วถึง และ โรงเรียนสวยมาก เพราะตั้งอยู่บนเนินสูงใกล้ทะเลประกอบกับเดินไปอีกนิดเดียวจะถึง Town ของ Truro แล้วค่ะ location ที่ไม่เลวเลยแหละค่ะ
PREPARATION
เวลาอะไรผ่านไปไวเหมือนโกหก หลังจากได้ใบตอบรับไม่นาน ก็ใกล้ถึงเวลาที่เราต้องเดินทางแล้ว
การเตรียมตัวก่อนไปอังกฤษสำหรับทิวถือว่าเร็วมาก มากก แบบมากกกที่สุด เพื่อนยังถามว่าอำป่าววว โห่ ล้อเล่นอะดิ ไปจริงๆหรอ ตอบเลยว่า เออจริง 555 ร่ำลากันไป
สำคัญที่สุดคงเป็นการเตรียมใจ ต้องพร้อมเปิดใจรับวัฒนธรรม สังคมใหม่ที่เราไม่เคยลองไปอยู่ สำหรับเราเราคิดว่ามันยากอยู่แหละ แต่ว่ามันท้าทายดี ส่วนตัวเราก็เป็นคนชอบเข้าสังคม เจอคนได้รู้จักคนใหม่ๆ เข้ามา เลยสนุกซะมากกว่าเครียด ฮ่าๆ
ช่วงนั้นคุณพ่อคุณแม่ของทิวยุ่งมากๆเลยแหละค่ะ ขับรถเข้าออกเดินเรื่องเอกสารกันเป็นว่าเล่น ทิวเห็นแล้วทิวยังเหนื่อยแทนเลยแหละค่ะ เพราะเอกสารต่างๆ ที่ต้องหา มันค่อนข้างซับซ้อนและต้องเป็นทางการ แต่โชคดีมากๆค่ะ ที่มีพี่ๆของ CETA ช่วยแนะนำ ตรวจเอกสารให้ก่อนวันไปยื่นขอวีซ่า เลยสบายใจหายห่วงกันไป
UK PART
อย่างที่บอกว่า ก่อนที่เราไป เรากลัวมากๆ กลัวว่าแบบสังคมที่นั่นจะดีไหม อ่านพันทิปอ่าน Hashtag ใน Twitter นู่นนี่นั่น panic กันไปใหญ่มากจ้า สุดท้ายก็พบว่า
“เห้ย! มันไม่ได้น่ากลัวแบบที่เราคิดนะ ที่นี่มันดีมากอ่ะ”
พอมาถึงที่อังกฤษก็มีรถบัสโรงเรียนมารับที่ Heathrow Airport จะค่อยๆ จอดรับแต่ละ Terminal เพราะโรงเรียนทิวค่อนข้างมีหลายสัญชาติเลยต่าง Terminal
พอขึ้นรถบัส ทิวกับคุณพ่อคุณแม่ก้อมาจองเบาะหลัง แล้วก็มีน้องผู้หญิงอายุน้อยกว่าเรา ชื่อ Eva มาจากสเปนมานั่งข้างๆ เราด้วย แล้วก็มีเจอเพื่อนชาวเยอรมันชื่อ Hannah
เราก็เริ่มทำความรู้จักกับเพื่อนที่เจอบนรถบัสก่อนเลย ตอนนั้นแบบ เห้ย เอาวะ ทักเลยละกัน …. เสร็จก็เลยคุยกันไปๆมาๆ อ่าวรุ่นเดียวกันเฉย…. แล้วพอถึงโรงเรียน ดันเป็นรูมเมทเราด้วย ทีนี้แหละดีใจมากกกก เพราะเขาค่อนข้างจะแบบมาดีนะเออ ไม่ได้มีความ Fierce อะไรเงี้ย ลืมบอกเพื่อนเรา มาจาก มิวนิค สูงมากกกกกกกก อันนี้รูปกับ Hannah
.
อันที่ใส่ชุด สีดำนี้อยู่ในงานคริสมาสต์ของโรงเรียนค่ะ
โรงเรียน Truro
เมื่อมาถึงโรงเรียน ทางโรงเรียนจะจัด Orientation day ให้นักเรียนใหม่ ประมาณเหมือนเป็นวันแนะนำโรงเรียน แนะนำให้นักเรียนได้รู้จักกันและกัน โดยตรงนี้จะเป็นกิจกรรมเฉพาะ Boarders (เด็กหอ)
กิจกรรมที่โรงเรียนจัดให้มีหลายอย่างมากแต่ที่เราชอบมากกกกก คือ Treasure Hunt เป็นการหาสมบัติจากสถานที่ต่างๆ สถานที่ภายในเมือง ซึ่งก็เหมือนสอนให้เราเรียนรู้ไปในตัวว่าแบบ สถานที่ไหนคืออะไร ตรงไหนเป็นตรงไหน
แล้ว โรงเรียนก็พาเราไปพายเรือกันที่ชายหาดแถวโรงเรียน อันนี้สวยมากกก แบบมาก มากกกกก น้ำใสมาก!
เรียกได้ว่าวันแรกของการอยู่โรงเรียนไม่น่ากลัวเลย แต่กลับมีกิจกรรมสนุกๆ ให้เราทำ ทำให้พวกเราได้รู้จักเพื่อนๆ และสอนให้เรารู้จักสถานที่ต่างๆ ในเมือง ที่ที่อีกหน่อยที่เราต้องใช้ชีวิตการเป็นนักเรียนอังกฤษไปอีกหลายปี
หน้าโรงเรียนค่า
Uniform
พูดถึงยูนิฟอร์ม โรงเรียนทิวเด็กที่เรียน 1-5th form จะมี Uniform น้า ส่วน 6th formไม่ต้องมียูนิฟอร์ม แต่โรงเรียนเค้าให้ใส่เป็น Business wear แทน
เอายังไงหละ ตื่นเต้นดิ! ตื่นเต้นมาก ชุด Uniform ที่นี่ก็แทบจะใช่ฮอกวอตเลยจ้า!!!
การเรียนการสอนของโรงเรียนที่อังกฤษ คือมันมาก มันดีจิงๆ นะ
เริ่มแรก จะมีเข้าโบสถ์ก่อน คือทั้งโรงเรียนจะเดินไปในทาวน์ไปแบบอารมณ์พิธีเปิดภาคเรียนอะไรทำนองนั้น เสร็จก็จะเข้ามาเรียนตามปกติ
ที่โรงเรียนเราก็จะมีอารมณ์เหมือนห้องตัวเองแหละ แต่ที่นี่เขาเดินเรียนนะ เดินไปหาครูไม่ใช่ครูเดินไปหาเรา (แอบเมื่อย) แต่ละห้องก็จะมีนักเรียน 20 คนบวกลบ เราว่ามันดีมากๆเลยนะ คุณครูดูแลทั่วถึง ถามได้ตลอด แล้วทั้งระดับก็มีกันไม่กี่คน ร้อยกว่าๆ ทุกคนก็จะสนิทกัน ไม่ว่าจะเปลี่ยนคลาสขนาดไหนก็ยังมีเพื่อนเฮฮากันได้ตลอด
ในคาบเรียนเรา ครูจะชอบให้ทดลองจนรู้ว่าเออ มัน work นะ มันใช้ได้ เขาไม่ได้เน้นให้จำจาก PowerPoint หรือสื่อการเรียนการสอน เขาให้เราเรียนรู้จากการที่เราได้ทำมันและได้สัมผัสมันจริงๆ นี่คือสิ่งที่เราชอบมากๆในระบบการเรียนการสอนของประเทศเขาเลยแหละค่ะ
ยังมีอีกคลาสหนึ่งที่อยากจะนำเสนอมากๆ คือคลาส ART ค่ะ เป็นคลาสที่เราจะ create อะไรก็ได้ พอเราอยากทำอันนี้เราก็ไปบอกครู ครูจะช่วยแนะนำว่าอะไรจะช่วยเรา lead to งานชิ้นแบบนั้น ตอนนั้นห้องเราค่อนข้างเครียดกันมาก แต่ไม่ค่อยถามครู ครูเราเลยบอกกลับไปว่า “This is my job to make you gain A or A*. If you have some question you can ask me!”
คือ แบบโอ้โห มันดูแบบเขาช่วยเราเต็มที่อะ แล้วเขาก็เป็นอย่างงั้นจริงๆ เรารู้สึกว่า ART ที่นี่ไม่ใช่ว่าเราต้องมานั่งวาดถ้วยชามหรือแม้กระทั่งแอปเปิ้ลส่งครูแค่นั้น ถ้าเราอยากวาด แครอทหละ? เราคิดว่ามันดีกว่านะ ลองอธิบายไปให้ครูฟัง สำหรับครูที่นี่เขาตอบกลับมาว่า “Oh your idea is so cool! Keep going for it” (ถ้าเทียบกับที่ไทย เราว่าบางครั้งที่ไทยค่อนข้างที่จะอยู่ในกรอบไปหน่อย เราเลยรู้สึกว่าเหมือนที่นี่เขาจะพยายามดึงความสามารถของเราออกมา แล้วให้เราลองผิดลองถูกไปกับมัน จนประสบความสำเร็จได้)
มีอีกเรื่องที่ลืมแนะนำไปค่า ทีนี่จะเรียนเป็น GCSE ให้เลือกวิชาเรียน ขั้นต่ำหกวิชา โดยต้องมี English และ Math อยู่ในนั้นด้วย การเรียนจะไม่เหมือนบ้านเราเลย ไม่มีสายวิทย์สายศิลป์ เราเลือกได้อิสระ วิชาค่อนข้างเยอะและหลากหลาย พอเราจบ 5th Form หรือม.4บ้านเรา ก็จะไปต่อ A-level ซึ่งคล้ายๆกับมหาลัยแล้ว เหมือนเตรียมตัวพร้อมเข้าสู่มหาวิทยาลัยแหละ ในความคิดเห็นส่วนตัวของเราน้า ซึ่งมันก็ค่อนข้างดีอยู่เพราะถ้าอยู่ไทย เราอยู่สายศิลป์แต่อยากเรียน วิทย์แบบเด็กวิทย์มันก็คงทำไม่ได้ แต่นี่เราก็เลือกลงได้ มันเลยน่าจะเป็น ทางเลือกที่ดีเลยแหละค่ะ
ที่นี่เค้ามีจัดกิจกรรมเกี่ยวกับแนะแนวอาชีพตลอดนะ คือทางโรงเรียนเขาชอบเชิญคนมาพูดให้แบบอารมณ์แนะแนว เช่น ล่าสุด ก่อนที่พวกเราจะต้องเลือกวิชาที่จะเรียนในระดับ 6th form โรงเรียนก็เลยเชิญคนมาพูดแนะแนว อารมณ์ว่า เลือกวิชายังไงให้เข้ากับคณะที่เราอยากจะไปต่อ
ซึ่งเราคิดว่ามันเป็นอะไรที่ดีมากๆ อีกอย่างที่ชอบคือให้หนึ่งวันเต็มๆ ไปกับการลองเรียนวิชาที่เราเลือก แบบเหมือนจำลองอารมณ์นี้ เราก็จะได้รู้ว่าที่เราเลือกเนี่ยเขาเรียนอะไรบ้าง ซึ่งเราประทับใจมาก ทำให้เหมือนรู้เกี่ยวกับวิชาที่เราจะเรียนมากขึ้น
มาที่นี่ เพื่อนเพียบ จ้า
เพื่อนๆใน class ค่ะ มีแค่ทิวกับเพื่อนข้างๆที่เป็นต่างชาติค่ะ นอกนั้นเป็นเพื่อนชาวอังกฤษหมดเลย
มาต่อกันที่เรื่องที่วัยรุ่นแบบเราๆค่อนข้างให้ความสำคัญ คือเรื่องเพื่อนนั่นเองค่ะ
ตอนมาแรกๆ เพื่อนๆ ที่ทิวเจอส่วนใหญ่ที่เราจะเข้าหาแล้วสนิทกันส่วนใหญ่จะเป็นคนเอเชียอะค่ะ ฮ่องกง จีน เกาหลี อะไรประมาณนี้ เราจะเริ่มสนิทกับเพื่อนทางนั้นก่อนเพราะเป็นนักเรียนประจำเหมือนกัน
พอเข้าเทอมสองก็รู้สึกเริ่มสนิทกับเพื่อนที่เป็นคนท้องถิ่นของที่นี่มากขึ้น ตอนแรกเราเห็นเค้าไม่ค่อยพูดด้วยเท่าไหร่ แต่นั่นไม่ใช่อะไรนะคะ เพียงแต่เค้ายังไม่รู้จักเราแต่พอเริ่มรู้จักกัน เริ่มสนิทกันเท่านั้นแหล่ะ พูดดดดดด แบบไม่หยุดเลย 5555555
อันนี้เป็นรูปที่ถ่ายกับเพื่อนๆที่นู่นค่า Leah from Austria และ Hannah รูมเมทเจ้าเก่าเองค่า
อาหารการกิน
วันแห่งการรอคอยได้มาถึง Saturday night คือ House mistress ก็จะทำอาหารให้ทาน ก็จะมี Nachos Pizza Ice-cream Sweets Veggie dip เยอะมากมาย อร่อยมากๆๆๆๆๆ
อีกเรื่องที่คนเราสมัยนี้ค่อนข้างให้ความสำคัญเป็นพิเศษเลยคือ อาหารค่าา โดยส่วนตัวเราคิดว่า ทางโรงเรียนก็ทำอาหารอร่อยอยู่นะคะ โดยเฉพาะของหวาน อร่อยแบบมากมากมาก คูณสิบไปเล่ย
อาหารที่นี่มีหลายประเภท เนื่องจากโรงเรียนเรามี boarders ที่มาจากหลายๆ ชาติ ทางโรงเรียนก็เลยมีอาหารค่อนข้างหลากหลายสลับไปในแต่ละวัน ที่เห็นมีคือ แกงเขียวหวาน (Thai green curry) ของชาติไทยเราเนี่ยเองแหละค่า ถึงจะเป็นคนเดียวในโรงเรียนแต่ก็มีอาหารไทยนะ!! อาหารไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกบอกเลย อิอิ ภูมิใจไปเบาๆ แล้วก็เหมือนมีอาหารฮ่องกง เป็นซี่โครงหมูกับซอสซักอย่าง เพราะ boarders เป็นคนฮ่องกงกับจีนเยอะ แล้วบางวันก็ทำอาหารอินเดีย อร่อยมากๆๆ ส่วนปกติแบบประมาณ 70% ก็จะเป็นอาหารของชาวอังกฤษเลยค่า รับรองได้ว่าคนที่ไม่ชอบทานอาหารฝรั่งอยู่รอดแน่นอน!
บรรยากาศโรงอาหารคร่าวๆ นะคะ
Home away from home … boarding ของทิวเองค่า
เกือบลืมไปเลยค่า ไม่กล่าวถึงที่อยู่อาศัยคงจะไม่ได้ ที่ทิวมาอยู่นี่เป็นหอในนะคะ ซึ่งไม่เหมือนหอเท่าไหร่ เหมือนเป็นครอบครัว เป็นพี่น้องกันกับคนทั้งบ้าน ที่โรงเรียนทิวจะแบ่งหอกันเป็นบ้านหลังๆ มีสี่หลัง
1 Trennick senior boys house เป็นบ้านพักนักเรียนชายที่อยู่ตั้งแต่ 5th form – 6th form
2 Malvern senior girls house เป็นบ้านพักนักเรียนหญิงที่อยู่ตั้งแต่ 5th form – 6th form
3 Poltisco junior boys house เป็นบ้านพักนักเรียนชายที่อยู่ตั้งแต่ 1st year – 4th form
4 Pentreve junior girls house เป็นบ้านพักนักเรียนหญิงที่อยู่ตั้งแต่ 1st year – 4th form
และแน่นอนว่าทิวอยู่บ้าน Malvern สีประจำบ้านสีเขียว เย้ 5555 มีความแฮรี่ พอตเตอร์ไปอี้ก
-ในบ้านของเราก็มีห้องน้ำรวม แต่มีประตูกั้นนะเป็นห้องๆ
-มีห้อง common room มี TV ครัว เครื่องทำกาแฟ ตู้เย็น เครื่องอำนวยความสะดวกครบครันมา
-และที่ชอบคือ โรงเรียนจะให้กล่องอาหารมาทุกๆสัปดาห์บ้านละหนึ่งกล่องในนั้นก็จะมีผลไม้ นม น้ำผลไม้ และ crisp เลย์บ้านเรานั่นแหละ แบบหยิบฟรี ฮือ สวรรค์ของคนชอบกินมั่กๆ
-5th form ทุกคนจะต้องนอนห้องมีรูมเมท ห้องก็จะกว้างนิดนึง
-ส่วน 6th form จะได้ห้องส่วนตัว ก็จะเล็กลงมานิดนึง แต่ว่าไม่ได้เล็กจนอึดอัดน้า อยู่ได้พอดี
-ชอบความอยู่หอตรงที่เราได้รู้จักเพื่อนเยอะแล้วก็รุ่นพี่รุ่นน้องด้วย กิจกรรมก็ได้ทำด้วยกันบ่อยๆเลยสนิทกันทั้งนักเรียนใน เวลาเรามีปัญหาอะไรรุ่นพี่ก็จะคอยแนะนำ ทุกคนอยู่กันแบบพี่น้อง คนที่นี่ดีมากๆ แบบต่างจากที่คิดไว้เยอะ ซึ่งเราโชคดีที่ได้มาเจอแบบนี้ เย้!
กิจกรรมที่นี่อย่างเยอะค่า เรียกว่าไม่มีเวลาเหงาเลยที่เดียว
อย่างที่บอกไว้ว่านักเรียนทำกิจกรรมร่วมกันบ่อยมากๆ คือมีทุก weekend นั่นเอง 55555
โดยทุกๆ เสาร์อาทิตย์ก็จะมีกิจกรรมต่างกันไป ส่วนใหญ่วันเสาร์ก็จะเป็นวันฟรี ทั้งวัน ส่วนวันอาทิตย์ก็มีกิจกรรมร่วมกัน แล้วแต่ว่าจะแยกกันไป หรือไปกันหมด เช่น ถ้าสมมติอะไรที่มันโตหน่อย ก็จะไปแค่ senior house ทั้งชายและหญิง บางครั้งก็ไปแยกชายหญิง แล้วแต่ว่าเขาจะจัดยังไง
ที่ผ่านมาเราก็มีได้ไปเที่ยวละแวกใกล้ๆ นี้ ชอบมากๆ มีไป ขี่ม้า เล่นเลเซอร์ และที่ชอบที่สุดคือไป Eden project เหมือนมันเป็นโครงการให้เราเดินเล่นกับธรรมชาติ เสร็จแล้วก็ไปเล่น ไอซ์สเก็ต ฉลองวันคริสมาสต์กับเพื่อนๆ ในหอ แต่ทิวไม่ได้เล่นเพราะไม่ถูกกับกีฬาประเภทนี้เท่าไหร่แฮะๆ
ลืมพูดถึงวันเสาร์ไป ส่วนตัวแล้วเราก็จะไปเดินเล่นใน town ออกจากหอมาเดินห้านาทีก็ถึง ใกล้มากๆ ไปเดินเล่นชอปปิ้งต่างๆ แต่ก็ไม่ค่อยได้ชอปเท่าไหร่ ฮ่าๆ ค่าใช้จ่ายเราเลยน้อย เพราะวันธรรมดานี่ไม่ได้ใช้เงินเลย อยู่กับทางโรงเรียน โรงเรียนเลี้ยงหมด เลยสบายไป อิอิ
ก็สุดท้ายนี้ก็ขอฝากเพื่อนๆไว้ว่า ถ้าอยากจะมาเรียนต่อต่างประเทศ ไม่จำเป็นต้องเป็นประเทศอังกฤษก็ได้น้า ก็อย่ารอกันจนถึงมหาลัยเลย รีบมาตอนนี้เลยเราจะได้เก็บประสบการณ์ได้เยอะด้วย มันมีอะไรแปลกใหม่เยอะมาก
เอาจริงๆแค่อ่านรีวิวคงเห็นภาพได้แค่เสี้ยวนึง ต้องมาลองเองถึงจะรู้ ว่าเราได้ภาษา ได้เพื่อน ได้ความสัมพันธ์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นต่างๆ ได้ทำอะไรนอกกรอบ เราว่ามันดีนะ มันคุ้มที่จะลอง หากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากไปเรียนต่อแบบเรา ลองเข้าไปปรึกษาพี่ๆ ที่ CETA หรือ แวะไปเจอกับโรงเรียนของเราที่งาน World High School Fair ดูน้าาาา
และในวันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561 จะมีงาน CETA World High School Fair ซึ่งเป็นนิทรรศการศึกษาต่อระดับชั้นมัธยมศึกษาที่ประเทศ Australia, New Zealand ,UK และ USA (โรงเรียนของเรา Truro School ก็มาในงานนี้ด้วยนะ)
สถานที่:
โรงแรม The Westin Grande Sukhumvit (ห้อง Grand Ballroom)
ตั้งแต่เวลา 10:00 – 16:00 น.
ในงานก็มีกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น:
-พูดคุยอย่างเป็นกันเองกับเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนชั้นนํา 39 แห่งจากประเทศต่างๆ
-รับฟังสัมมนาและแนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศจากผู้เชี่ยวชาญจาก British Council , สถานทูต Australia และ สถานทูต New Zealand
-รับข้อมูลทุนการศึกษา และรับสิทธิพิเศษต่างๆ ภายในงาน
-ขอรับข้อมูล Summer Course และ Short-term Course ต่างประเทศอีกมากมาย
*งานนี้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย*
หากสนใจเข้าไปลงทะเบียนเข้างานได้ ที่นี่
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
CETA Worldwide Education
โทร: 02-712-5300
Line: @ceta
CETA Cares…For Your Child’s Future Success
แล้วเจอกันนะคะ :)