ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่คนไทยเลือกไปเรียนต่อหรือทำงานมากที่สุด ซึ่งหากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีแพลนว่าต้องการไปเรียนต่อที่ดินแดนจิงโจ้ แต่ยังเลือกมหาวิทยาลัยไม่ถูก
วันนี้เราจึงมี 2 ตัวเลือกที่น่าสนใจมาฝาก ระหว่าง Australian National University (ANU) และ University of Melbourne ซึ่งทั้งสองต่างก็เป็นสถานบันที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ
Australian National University (ANU) หรือมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ตั้งอยู่ที่แคนเบอร์รา ติดอยู่ในอันดับที่ 24 จากการจัดอันดับของ QS World University Rankings 2019
University of Melbourne มหาวิทยาลัยในเมลเบิร์น ติดอยู่ในอันดับที่ 36 จากการจัดอันดับของ QS World University Rankings 2019
หลักสูตรเด่นๆ
จากข้อมูลล่าสุดของ QS World University Rankings by Subject เผยว่า ANU นำหน้าเมลเบิร์นไปหนึ่งอันดับในสาขาวิชาศิลปศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ ในขณะที่เมลเบิร์นนำหน้าในเรื่องชีววิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และหลักสูตรด้านเทคโนโลยี
ซึ่งทั้งสองสถาบันครองอันดับ 28 ร่วมกันในด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ส่วนด้าน social sciences & management ANU เป็นฝ่ายตามหลังเมลเบิร์นมาติดๆ
สถานที่ตั้ง
เมลเบิร์น ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของประเทศ เต็มไปด้วยความงามของสถาปัตยกรรม นอกจากนี้ ยังมีพิพิธภัณฑ์ชั้นนำ โรงละคร ไปจนถึงร้านอาหารเลิศรส คลับ และแหล่งช็อปปิ้งมากมาย
อีกทั้งเมลเบิร์นเป็นจุดหมายปลายทางด้านการศึกษายอดนิยม เนื่องจากมีชุมชนนักศึกษาขนาดใหญ่ มีความหลากหลาย คุณภาพชีวิตดีเยี่ยม รวมทั้งมีมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกตั้งอยู่ที่นี่ด้วย
แคนเบอร์รา
เป็นที่ตั้งของ ANU และเป็นเมืองหลวงของประเทศออสเตรเลีย แต่มีขนาดเล็กกว่าเมลเบิร์นทั้งในภาพรวม และในแง่ของประชากรนักศึกษา จึงทำให้เมืองนี้ดูเงียบสงบกว่า ซึ่งอาจถูกใจคนไม่ชอบความวุ่นวาย
แคนเบอร์รามีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ล้อมรอบด้วยภูเขา ดังนั้น หากคุณเคยอาศัยอยู่ในชนบทหรือชื่นชอบความเป็น Countryside เอามากๆ รับรองว่าแคนเบอร์ราเป็นหนึ่งในสถานที่ที่จะทำให้รู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน
ค่าเล่าเรียน และค่าครองชีพ
ค่าเล่าเรียนต่อปีสำหรับนักศึกษาต่างชาติของทั้งสองสถาบันอยู่ที่ประมาณ 20,500-34,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 683,800 บาท – 1.1 ล้านบาท) แต่ในแพทยศาสตร์จะเป็นหลักสูตรที่แพงที่สุดสำหรับนักศึกษาต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม การจะเลือกเรียนต่อในมหาวิทยาลัยล้วนขึ้นอยู่ปัจจัยกับของตัวนักศึกษาเป็นหลัก รวมทั้งความพึงพอใจต่อสภาพแวดล้อม และหลักสูตรที่ตรงตามความต้องการ ซึ่งหวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่วางแผนไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย
ที่มา: www.topuniversities.com