เชื่อว่าหลักไวยากรณ์เรื่องการใช้ ‘Among’ และ ‘Between’ เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่น่าสับสนเพราะมันสามารถใช้ได้ในบริบทที่คล้ายกัน ตัวอย่างเช่น ‘among friends’ และ ‘between friends’
อย่างง่ายๆ เลยคือทั้งสองคำนี้ใช้เพื่อเปรียบเทียบสิ่งต่างๆ หรือพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่างๆ ให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานการณ์ เพราะมีรายละเอียดดีเทลบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในการใช้คำทั้งคู่ ว่าแล้วก็มาดูกัน!
ประวัติของ ‘Among’ และ ‘Between’
Merriam-Webster dictionary ระบุว่าทั้งสองคำมาจากภาษาอังกฤษแบบเก่า โดย Among มาจากคำว่า “gemonge” มีความหมายว่าในฝูงชน หรือมั่วสุม / ผสมผสาน ในขณะที่ Between มาจากคำว่า “twā,” แปลว่าสอง
ทั้งนี้ Between ก็ไม่ได้ถูกใช้เพื่อเปรียบเทียบสิ่งสองสิ่งอย่างที่หลายๆ คนเคยเข้าใจ หากเจาะลึกลงไปจะพบว่า Between นั้นก็ถูกใช้คล้ายกับ Among นั่นคือสามารถหมายถึงการเปรียบเทียบหรืออธิบายความสัมพันธ์ของหลายสิ่งอย่างมากกว่าสองก็ได้
ความแตกต่างระหว่าง ‘Among’ และ ‘Between’
ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่าง ‘Among’ และ ‘Between’ คือความจำเพาะและความคล้ายคลึงของวัตถุที่ถูกพูดถึงนั่นเอง ดังนี้
สำหรับ Among หรือ Amongst จะถูกใช้ในกรณีที่วัตถุสองชิ้นขึ้นไปมีความสัมพันธ์กันแบบ “รวมๆ และคลุมเครือ” เช่น “There is no hope among these people,” ในประโยคนี้แสดงให้เห็นว่ากล่าวถึงกลุ่มคนใหญ่ๆ และความรู้สึกโดยรวม
แต่หากใช้ในบริบทว่า “There is no hope between these people,” จะกลายเป็นความหมายว่าผู้คนต่างไร้ความหวังในตัวเพื่อนมนุษย์
ทางด้าน Between จะถูกใช้เมื่อวัตถุที่กำลังพูดถึงนั้น “เป็นปัจเจกแต่มีเอกลักษณ์เท่ากัน” นั่นคือวัตถุมีความคล้ายคลึงกันในบางลักษณะ แต่ไม่สามารถจัดกลุ่มเข้าด้วยกันได้ เช่น “between a rock and a hard place.” เป็นต้น
ตัวอย่างการใช้
Among
– “Come on bartender! What’s a bar tab among friends?”
– “I feel reborn, sitting here among the flowers and birds.”
– “Figure it out amongst yourselves, you selfish monsters!”
Between
– “I’m still choosing between the salad and the french fries.”
– “Last I checked, your son was still living between Texas and California.”
– “Between you and me, I never trusted Michael. Not as far as I can throw him!”
สำหรับเจ้าของภาษาที่พูดภาษาอังกฤษกันอยู๋แล้วนั้น การแบ่งแยกความแตกต่างเหล่านี้ได้เกิดจากการได้ยินบ่อยๆ และได้ใช้บ่อยๆ จนกลายเป็นความเคยชินตามธรรมชาติ เพราะฉะนั้นอย่าลืมฝึกใช้บ่อยๆ เข้าล่ะ อีกไม่นานจะเข้าใจและใช้มันได้อย่างถูกต้องไปโดยปริยาย : )
ที่มา: rd