ในโลกที่ทุกอย่างเต็มไปด้วยความทันสมัย ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และความก้าวหน้า ทุกอย่างทำให้เราคิดภาพไม่ออกเลยว่า ย้อนเวลากลับไปเพียงกี่สิบปี ในโลกที่ไร้สิ่งเหล่านี้คนเหล่านั้นอาศัยอยู่อย่างไร?
เรื่องราวของครอบครัวชาวรัสเซียครอบครัวหนึ่งได้กลายเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก หลังได้รู้ว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในโลกที่ห่างไกลจากอารยธรรมอันทันสมัยในไซบีเรียไทกา เขตอาบาคาน
นี่คือ Karp Lykov – ชายผู้พาครอบครัวของเขามาที่ไซบีเรียไทกาเพื่อหนีอารยธรรมของโลกใหม่ที่แสนวุ่นวาย ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นในระหว่างเหตุการณ์กวาดล้างในปี 1936 เมื่อพี่ชายของ Karp Lykov ถูกยิงโดยหน่วยลาดตระเวน Bolshevik นอกหมู่บ้านของพวกเขา
รัสเซียที่ตกอยู่ภายใต้การปกครองแบบเผด็จการของกลุ่ม Bolshevik ในเวลานั้น ทำให้ผู้ที่นับถือศาสนาใดก็ตามถูกรังแกและข่มเหง ครอบครัว Lykovs เป็นสมาชิกของ Old Believers – นิกายรัสเซียออร์โธด็อกซ์ ซึ่งถูกข่มเหงตั้งแต่สมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช (ต้นศตวรรษที่ 18)
หลังจากพี่ชายของเขาถูกฆ่าตาย Karp Lykov พร้อมกับภรรยา Akulina และลูกสองคน – ลูกชายชื่อ Savin (9 ปี) และลูกสาว Natalia (2 ปี) ก็หนีเข้าไปอยู่ในป่า และไม่เคยกลับออกมาสู่โลกภายนอกอีกเลย
พวกเขากลับไปใช้ชีวิตเช่นเดียวกับโลกยุคโบราณ ใช้เมล็ดพืชพันธุ์เพาะปลูกอาหาร สร้างกังหันน้ำและบ้านหลังน้อยจากไม้ในป่าลึก พร้อมปั่นฝ้ายเพื่อสร้างเสื้อผ้าขึ้นเอง
พวกเขาใช้ชีวิตโดยอาศัยมันฝรั่งเเละเห็ดป่า หลังจากอาศัยอยู่ในโลกที่ห่างไกล พวกเขาได้ให้กำเนิดลูกอีกสองคน คือลูกชายชื่อ Dmitry เกิดในปี 1940 และลูกสาวชื่อ Agafia เกิดในปี 1970 จนถึงปลายยุค 70s เด็กๆ ได้รับรู้เรื่องราวของโลกภายนอกจากเรื่องเล่าของพ่อแม่เท่านั้น
หนังสือเล่มเดียวที่ครอบครัวนี้มีบทสวดมนต์และคัมภีร์ไบเบิลสำหรับครอบครัวโบราณ Akulina – แม่ของเด็กๆ สอนลูกๆ ของเธอให้อ่านและเขียนโดยใช้หนังสือที่มี และกิ่งไม้เบิร์ชที่เหลาแล้วจุ่มลงในน้ำสายน้ำผึ้งที่ใช้แทนปากกาและหมึก เสื้อผ้าของพวกเขาใช้ชุดเก่าที่ใส่ซ้ำๆ จนในที่สุดก็าดเกินเยียว ดังนั้นพวกเขาจึงใช้ผ้าป่านที่ทำจากเมล็ดมาเป็นเครื่องนุ่งห่มแทน
ครอบครัวนี้นำกาต้มน้ำสองใบติดมาด้วย แต่ในที่สุดมันก็ถูกสนิมกัดจนพุพัง สิ่งเดียวที่สามารถใช้แทนได้คือเปลือกไม้เบิร์ช แต่เนื่องจากไม่สามารถวางบนกองไฟได้ ทำให้การปรุงอาหารเป็นเรื่องยุ่งยาก
Lykovs ต้องใช้ชีวิตอย่างอดอยากจนถึงปลายทศวรรษ 1950 เมื่อ Dmitry เกิดออกมา พวกเขาจึงเริ่มล่าสัตว์เพื่อหาเนื้อและหนัง โดยวิธีล่านั้น หากไม่มีปืนหรือคันธนูพวกเขาจะล่าสัตว์โดยการขุดกับดักหรือตามล่าเหยื่อข้ามภูเขา
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Dmitry ได้ปรับตัวให้มีร่างกายที่แข็งแกร่งจนน่าทึ่ง เขาสามารถล่าสัตว์เท้าเปล่าในฤดูหนาวเป็นเวลาหลายวัน ในขณะเดียวกันก็สามารถนอนหลับในที่โล่งซึ่งมีอุณหภูมิที่เย็นเยือกได้ แต่ถึงอย่างนั้นเนื้อสัตว์ก็ยังขาดแคลนสำหรับครอบครัว Lykovs
จากนั้นมา ปี 1961 ซึ่งเป็นปีที่หิมะตกในเดือนมิถุนายน อาหารทั้งหมดที่ปลูกไว้ในสวนล้มตาย ครอบครัวนี้เอาชีวิตรอดด้วยการกินรองเท้าและเปลือกไม้เบิร์ช ในปีนั้นเอง Akulina เสียชีวิตเนื่องจากความอดอยาก ซึ่งเกิดจากการที่เธอเลือกให้อาหารกับลูกๆ แทนที่จะเก็บเอาไว้กินเอง
ปี 1978 นักธรณีวิทยาชาวโซเวียต 4 คน กำลังสำรวจพื้นที่อาบาคานเพื่อหาแร่เหล็กที่สมบูรณ์ พวกเขาก็ต้องสับสนเมื่อพบกับสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นบ้านคน
นักวิทยาศาสตร์จึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่ฐานชั่วคราว จากนั้นจึงเข้าไปสำรวจก่อนจะพบกับครอบครัวที่อาศัยอยู่ในสภาพคนโบราณ เหล่านักวิทย์พยายามจะให้ของขวัญกับพวกเขาเพื่อผูกมิตร แต่ครอบครัว Lykovs กลับขอรับแค่เกลือ ซึ่ง Karp ไม่ได้ลิ้มรสมานานกว่า 40 ปี
เมื่อนักวิทย์พูดคุยกับพวกเขา ถึงได้รู้ว่าครอบครัวนี้ไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สอง หรือแม้แต่การที่มนุษย์เดินทางไปเยือนดวงจันทร์ได้สำเร็จ (ซึ่ง Karp ก็ยังไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง)
ในปี 1981 ไม่นานหลังจากนักวิทยาศาสตร์ไปเยือน เด็กๆ จากครอบครัว Lykov 3 คนจาก 4 คนเสียชีวิตเนื่องจากไตวายและโรคปอดบวม คนที่รอดชีวิตมีเพียง Agafia และ Karp นักวิทยาศาสตร์ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นเพื่อนกับครอบครัว Lykov พยายามโน้มน้าวให้ Karp และ Agafia ย้ายไปอยู่กับญาติในหมู่บ้านที่อยู่ห่างออกไป 150 ไมล์ แต่พวกเขาปฏิเสธ
Karp จากโลกนี้ไปในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1988 ส่วน Agafia ลูกสาวของเขายังคงอาศัยอยู่ตามลำพังในภูเขาไทกาไซบีเรียจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบัน Agafia มีอายุราว 75 ปี เธออาศัยอยู่กับแมวหนึ่งฝูงและสุนัข โดยไม่ปรารถนาที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่น
การใช้ชีวิตที่น่าทึ่งของครอบครัว Lykov ได้สร้างความสนใจอย่างมากให้กับผู้คนที่อาศัยในยุคปัจจุบัน เพราะการใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ตัดขาดกับโลกภายนอกมานานถึง 40 ปีนั้นคงไม่ง่ายเลยจริงๆ
ที่มา: arthusiast