TOEIC หรือชื่อเต็มคือ Test of English for International Communication เป็นแบบทดสอบสำหรับวัดระดับความรู้หรือทักษะการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ
ซึ่งเป็นแบบทดสอบที่หลายคนคุ้นหููกันดี และในปัจจุบันหลายหน่วยงานหรือสถาบันการศึกษาในประเทศไทยมีการใช้ผลคะแนน TOEIC เพื่อพิจารณาเข้าทำงาน
ดังนั้น การสอบวัดระดับนี้จึงเป็นเรื่องที่นักล่างานหรือนักศึกษาให้ความสำคัญ ความยากความง่ายของตัวข้อสอบนั้นให้ขึ้นอยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละบุคคลจะดีกว่า
วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ TOEIC แบบใหม่ที่ตั้งใจมาแทนที่ข้อสอบเก่า เมื่อเกาหลีและญี่ปุ่นนำร่องใช้ไปแล้วอีกไม่นานก็คงถึงคิวประเทศไทยของเรา ฉะนั้นทำความรู้จักกันไว้ก่อนดีกว่า “รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง”
โดยข้อสอบ TOEIC มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบครั้งล่าสุดเมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว ดังนั้นทาง EST จึงมีการปรับรูปแบบข้อสอบ TOEIC ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันมากขึ้น
ตารางเปรียบเทียบความต่าง
สิ่งที่ยังคงเหมือนเดิม
-คะแนนเต็ม 990 คะแนน (พาร์ท Listening และ พาร์ท Reading พาร์ทละ 475 คะแนนเหมือนเดิม)
-เวลาในการทำข้อสอบเหมือนเดิม คือ 120 นาที
-พาร์ทที่รูปแบบข้อสอบยังเหมือนเดิม คือ Photographs, Question-Response, Incomplete Sentences
สิ่งที่เปลี่ยนไป
-จำนวนข้อในแต่ละพาร์ท
-ในส่วนของ Short Conversations จะเป็นบทสนทนาของผู้พูด 3 คน จากเดิมที่มีแค่ 2 คน
-ในส่วนของ Short Talks แนวประกาศจะมีผู้พูดคนเดียวเหมือนเดิม แต่ในโจทย์จะมีการอ้างถึงประโยคที่พูดไป และบางส่วนอาจมีภาพประกอบแนบมาด้วย
-พาร์ท Text Completion มีบางข้อให้เติมเป็นประโยคแทนการเติมคำศัพท์สั้นๆ เหมือนเดิม
-พาร์ท Reading Comprehension เพิ่มรูปแบบ chat log หรือหน้าต่างแชทเข้ามาด้วย ต่างจากเดิมที่เป็นใบประกาศ โฆษณา หรืออีเมล
การสมัครสอบ TOEIC
-ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ แบ่งเป็นวันละ 2 รอบ เช้า 09.00 น. – 12.00 น. และช่วงบ่าย 13.00 น. – 16.00 น.
-ค่าสมัครสอบ TOEIC 1,500 บาท
-มีศูนย์สอบอยู่สองแห่งคือ กรุงเทพฯ และ เชียงใหม่
ที่มา www.opendurian.com