เรื่องราวเกี่ยวกับเมืองอัมสเตอร์ดัม ที่เรียกได้เลยล่ะว่าเป็นเมืองที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับการขี่จักรยานเลยก็ว่าได้… แต่กว่าเขาจะมาได้ไกลขนาดนี้นั้น เมืองนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง เราลองมาชมไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่านะครับ
ที่จริงแล้วก่อนหน้านี้เมืองนี้ไม่ได้เป็นแบบนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นได้ก็เพราะว่าประชาชนชาว Amsterdam เองไม่ได้นั่งๆนอนๆรอให้มีการเปลี่ยนแปลง แต่เกิดจากความพยายามและความร่วมมือกันผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากกว่า
พอนึกถึงประเทศเนเธอร์แลนด์นั้น หลายคนน่าจะพอนึกภาพเมืองชิวๆ สบายๆ ที่มีคนปั่นจักรยานทั่วท้องถนน เรียกว่าเป็นยานพาหนะหลักก็ไม่ผิด ทั่วเมืองล้อมรอบไปด้วย Bicycle Lane วัยรุ่นหนุ่มสาว ผู้ใหญ่คนทำงาน หรือแม้แต่เด็กและคนแก่ ต่างก็ใช้จักรยานเป็นยานพาหนะหลักกันอย่างสบายใจ
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เศรษฐกิจเรื่อมดีขึ้น ผู้คนมีเงินซื้อรถยนต์กันมาก จึงมีการสร้างถนนให้รองรับรถเครื่องมากขึ้นทั่วเมือง Amsterdam ในยุคนั้นจำนวนคนปั่นจักรยานมีน้อยลงเรื่อยๆ ประมาณ 6% ทุกปี แนวโน้มอาจจถึงขั้นทำให้จักรยานปั่นบนถนนหลักไม่ได้เลยทีเดียว
แต่รถยนต์หรือรถเครื่องก็มาพร้อมกับอุบัติเหตุที่มีความรุนแรงมากกว่า เห็นได้ชัดจากสถิติผู้เสียชีวิตที่พุ่งสูงขึ้นทุกปี ไปแตะสูงสุดถึง 3,300 รายในปี 1971 ในจำนวนนี้เป็นเด็กมากถึง 400 ราย!!!
ทำให้ประชาชนเริ่มไม่อยู่เฉย รวมตัวกันก่อตั้งกลุ่มสนับสนุนถนนสำหรับจักรยานชื่อกลุ่ม “Stop de Kindermoord” หรือแปลเป็นไทยว่า “หยุดฆาตกรรมเด็ก” มีผู้นำสตรีคนแรกที่นับว่าเป็นตัวตั้งตัวตีชื่อ “Maartje van Putten”
คนจำนวนมากเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ จึงเข้าร่วมกับ Stop de Kindermoord และเริ่มทำการประท้วงอย่างสันติและน่ารักในรูปแบบต่างๆ เช่นการทวงคืนถนนให้คนได้ออกมาทำกิจกรรมต่างๆ เอาโต๊ะ เก้าอี้มาวางเพื่อทานอาหารร่วมกัน ให้เด็กๆได้ออกมาวิ่งเล่นอย่างปลอดภัย โดยมีตำรวจให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
รวมถึงการรวมตัวกันปั่นจักรยานไปร้องเพลงหน้ารัฐสภา โดยมีเนื้อหาเพื่อทวงคืนถนนที่ปลอดภัยสำหรับนักปั่นจักรยานและคนในชุมชน และทำให้มีกลุ่มสนับสนุนเกิดขึ้นอีกมาก ที่ใหญ่หน่อยก็ “The First Only Real Dutch Cyclists Union” ที่มีเป้าหมายในการเพิ่มพื้นที่สำหรับจักรยานโดยเฉพาะ
ผ่านไป 2 ปี เข้าสู่ปี 1973 เป็นยุคที่ประเทศค้าน้ำมันลดการส่งออกน้ำมันให้หลายประเทศ รวมถึง Netherlands ด้วย ทำให้นายกรัฐมนตรี Joop den Uyl หันมาเห็นข้อดีข้องามของจักรยาน ประกาศชักชวนให้ประชาชนหันกลับมาใช้จักรยานกันมากขึ้น
ภายใต้ Car-Free Sundays policy ให้คนออกมาใช้ชีวิต ทำกิจกรรมบนท้องถนนได้แบบไม่ต้องระวังรถยนต์ จุดนี้เป็นจุดเริ่มทำให้รัฐบาลเริ่มคิดใหม่ว่า จักรยานดูจะเหมาะกับบ้านเรามากกว่านะ จึงเริ่มมีการวางแผนสร้างถนนที่ปลอดภัยสำหรับจักรยานอย่างเป็นจริงเป็นจัง
เมื่อมีถนนที่ปลอดภัย คนจึงเริ่มกลับมาขี่จักรยานกันมากขึ้น ทีละคน สองคน สามคน ไปจนถึงเมืองข้างเคียง และกลายมาเป็นแบบวัฒนธรรมถึงทุกวันนี้…
และปัจจุบันนี้ประเทศเนเธอร์แลนด์มีถนนสำหรับจักรยานเป็นระยะทางรวมประมาณ 35,000 กิโลเมตร มีสถิติว่าประชาชนในเมือง Amsterdam ใช้จักรยานเดินทางมากถึง 38% ของการเดินทางทั้งหมดเลยทีเดียว
คีย์หลักของเรื่องนี้คือการร่วมมือเพื่อการเปลี่ยนแปลงในเชิงสร้างสรรค์ไม่ใช้ความรุนแรงนั่นเอง แต่เลนส์สำหรับจักรยานบ้านเราน่ะเหรอ เป็นที่จอดของรถโดยสารไปโดยปริยายกันล่ะจ้า -*-
ที่มา: Unlockman