สถาบันการศึกษาแต่ละแห่งในสหรัฐอเมริกามีการกำหนดผลสอบภาษาอังกฤษที่แตกต่างกันสำหรับนักศึกษาต่างชาติ
ซึ่งขั้นตอนการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษเป็นด่านแรกๆ ที่นักเรียนต้องฝ่าฟันไปให้ได้ เป็นการทดสอบว่านักเรียนต่างชาติสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีแค่ไหน โดยถือเป็นข้อปฏิบัติที่ใช้กันทั่วไปทั้งในระดับปริญญาตรี หรือระดับบัณฑิตศึกษา
หลายคนคงทราบดีอยู่แล้วว่าการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษมีอยู่หลายประเภท แต่ TOEFL หรือ Test of English as a Foreign Language เป็นหนึ่งในการข้อสอบที่ไดรับการยอมรับอย่างกว้างขวางในสถาบันการศึกษาของสหรัฐอเมริกา
การเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี
คณะกรรมการรับสมัครและสอบคัดเลือกนักเรียนของสหรัฐฯ จากหลายสถาบันพิจารณาผลการทดสอบภาษาอังกฤษเป็นปัจจัยสำคัญในการรับสมัครนักศึกษาต่างชาติเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรี
และจากผลการสำรวจพบว่า ร้อยละ 80.3 ระบุว่าผลการทดสอบภาษาอังกฤษมีความสำคัญมากในการตัดสินใจรับสมัครนักศึกษานานาชาติ ปัจจัยอื่นๆ ที่ตามมาอีกก็เช่นผลการเรียนในระดับมัธยมศึกษา และผลการเรียนในมหาวิทยาลัย
ทั้ง Mandee Heller Adler ผู้ก่อตั้งและประธานที่ปรึกษาวิทยาลัยนานาชาติแห่งฟลอริด้า และ Nat Smitobol ที่ปรึกษาการรับสมัครนักศึกษาปริญญาโทในนิวยอร์ก ต่างเผยเป็นเสียงเดียวกันว่านักเรียนที่ต้องการสมัครเข้าเรียนในสถาบันที่มีการแข่งขันสูงควรมีคะแนน TOEFL อยู่ที่ 100 คะแนน
สำหรับปี 2016-2017 มหาวิทยาลัย 4 ใน 8 แห่งของไอวีลีกกำหนดคะแนน TOEFL iBT ขั้นต่ำอยู่ที่ 100 คะแนน ตามข้อมูลการสำรวจประจำปีที่รายงานไปยัง U.S. News ส่วนอีก 4 มหาวิทยาลัยที่เหลือยังไม่มีข้อมูลรายงานในด้านนี้
อย่างไรก็ตาม ยังมีมหาวิทยาลัยอีกหลายแห่งในสหรัฐอเมริกาที่ไม่ได้กำหนดผลคะแนนสูงเช่นนี้ โดยทั่วไปมักมีช่วงคะแนน TOEFL iBT อยู่ที่ 60 – 90 คะแนน
จากข้อมูล U.S. News รายงานว่า มหาวิทยาลัยที่มุ้งเน้นด้านการค้นคว้าวิจัยในหลักสูตรปริญญาตรี – เอก กำหนดคะแนนขั้นต่ำโดยเฉลี่ยของ TOEFL อยู่ที่ 78.1 สำหรับผู้สมัครชาวต่างชาติในปี 2016-2017
เนื่องจากแต่ละสถาบันมีการกำหนดผลการทดสอบภาษาอังกฤษที่แตกต่างกัน จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่นักเรียนต้องตรวจสอบข้อมูลกับทางมหาวิทยาลัยให้ดี เพื่อประโยชน์ของตัวนักเรียนเอง
ที่มา: usnews