เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีมหาวิทยาลัยกว่า 130 แห่งทั้งภาครัฐและเอกชนในสหรัฐอเมริกาได้เผยถึงนโยบายใหม่เพื่อปรับปรุงการเข้าถึงวิทยาลัยสำหรับกลุ่มนักศึกษาที่มีรายได้น้อย
มหาวิทยาลัยเหล่านี้จะให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน โดยจัดแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 – 12 สถาบัน แล้วช่วยกันดูแลนักศึกษาที่มีรายได้น้อยที่เข้ามาลงทะเบียน โดยจะคัดเลือกพวกเขาให้เข้าเรียนในเมืองที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มโอกาสในการสำเร็จการศึกษา
แนวทางปฏิบัตินี้จัดขึ้นโดยสมาคมวิทยาลัยการศึกษาสาธารณะและมหาวิทยาลัยให้ทุน (APLU) โดยมีแผนจะสร้าง “playbook” ของการปฏิรูปที่สถาบันการศึกษาอื่นๆ สามารถทำซ้ำได้
หนึ่งในความท้าทายครั้งใหญ่ของกลุ่มมหาวิทยาลัย APLU คืออัตราการสำเร็จการศึกษาที่น้อยลง แม้ทุกคนจะมีความตั้งใจดีที่สุด แต่ดูเหมือนจยังไม่มีใครคิดหาวิธีแก้ไขได้อย่างถาวร
จากตัวเลขล่าสุด อัตราการจบการศึกษา (ในหลักสูตร 6 ปี) สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรีแบบเต็มเวลาที่เข้าเรียนในวิทยาลัยปี 2010 นับเป็น 60% ซึ่งสูงกว่านักเรียนที่เรียนนอกเวลา
สถาบันที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 130 แห่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “กลุ่มการเปลี่ยนแปลง(converational clusters)” ที่มีนักเรียนมากกว่า 3 ล้านคน แม้ว่าจะเป็นโรงเรียนของรัฐทั้งหมด แต่ก็มีความแตกต่างในภารกิจการวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งโรงเรียนในเขตเมืองและในระดับภูมิภาค
เป้าหมายของโครงการคือเพื่อให้นักศึกษาอีกนับร้อยพันได้รับวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีในปี 2025 เพื่อขจัดช่องว่างของการเข้าถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษาของนักเรียนที่มีรายได้น้อย ชนกลุ่มน้อย และนักเรียนเจเนอเรชั่นหนึ่ง รวมทั้งปรับปรุงแนวทางปฏิบัติที่เป็นที่ยอมรับสำหรับความสำเร็จของนักเรียน
โครงการนี้เป็นสิ่งที่เดิมพันสูง สถาบัน APLU เหล่านี้จะพิจารณาว่าความสำเร็จของนักเรียนเป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับคุณค่าของระดับการศึกษาจากสถาบันของพวกเขา
สิ่งที่แตกต่างของโครงการนี้คือ การช่วยพัฒนาทักษะสำหรับอาชีพและชีวิตของนักเรียนเหล่านั้นให้เข้าถึงอย่างเท่าเทียม มันอาจต้องใช้เวลาเพื่อที่จะเห็นผลได้อย่างชัดเจน แต่นี่เป็นหนึ่งในโครงการริเริ่มที่จะนำไปสู่การพัฒนาในอีกหลายด้านในอนาคต
ที่มา: bachelorstudies