สำหรับการเรียนภาษาอังกฤษ อีกหนึ่งเรื่องที่เราหลึกเลี่ยงไม่ได้เลยนั่นก็คือการใช้ Conditional sentences หรือ if-clause นั่นเอง สามารถพบเห็นกันได้บ่อยๆ เลยล่ะ และวันนี้เราก็จะมาแนะนำให้เพื่อนๆ ถึงวิธีใช้อย่างถูกต้องกัน
ขั้นแรกเรามาทำความเข้าใจ Conditional sentences หรือ if-clause แบบง่ายๆ กันก่อน หลักๆ แล้วก็คือ ประโยคเงื่อนไข ประกอบด้วยประโยคย่อย สองประโยค ประโยคหนึ่งขึ้นต้นด้วยคำว่า If กับอีกประโยคหนึ่งมีหน้าตาเหมือนประโยคสมบูรณ์ทั่วไป
ประโยคสองประโยคนี้สลับที่กันได้ จะยกประโยคไหนขึ้นต้นก็ได้ แล้วแต่การเน้นและความหมายในการใช้ที่เราต้องการ ซึ่งเเบ่งเป็น 5 ประเภท ตามด้านล่างนี้เลย
1. ZERO Conditional Sentences
ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นความจริงทั่วไป โดยใช้ present simple ในประโยคย่อยทั้งสองประโยคและใช้พูดถึงกรณีที่ถ้าเกิดสิ่งหนึ่ง ต้องเกิดอีกสิ่งหนึ่งเสมอ
โดยใช้ If + present simple, …. present simple. ( If + subject + V1, subject + V1) เช่น
If water reaches100 degrees, it boils. เมื่ออุณหภูมิน้ำสูงเท่ากับ 100 องศาเซลเซียส น้ำจะเดือดเสมอ
If people eat too much, they get ถ้ากินมากจะอ้วน
People die if they don’t eat. คนเราจะตายถ้าไม่กินอาหาร
2. FIRST Conditional Sentences
ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกันและใช้สำหรับพูดว่าถ้าสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น อีกสิ่งหนึ่งจะเกิดขึ้นหรืออาจจะเกิดขึ้น ใช้พูดถึงเหตุการณ์เฉพาะซึ่งอาจเป็นไปได้ หรือผู้พูดคิดว่าจะเกิดขึ้น
โดยใช้ If + present simple แล้วตามด้วย future simple เช่น
If it rains, I won’t go to the park. ถ้าฝนตก ฉันจะไม่ไปสวนสาธารณะ
If I study today, I‘ll go to the party tonight. ถ้าวันนี้ฉันอ่านหนังสือ คืนนี้จะไปปาร์ตี้
3. SECOND Conditional Sentences
ใช้กับเหตุการณ์ที่ตรงข้ามความจริงในปัจจุบัน หรือ อนาคต หรือใช้พูดถึงสิ่งที่ผู้พูดคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น ใช้พูดถึงเหตการณ์ใน
ปัจจุบันที่เป็นไปไม่ได้เลย ไม่จริงเลย
โดยใช้ if + past simple, …would + infinitive เช่น
If I won the lottery, I would buy a big house. ถ้าถูกล็อตเตอรี่จะซื้อบ้านหลังใหญ่ (ซึ่งคิดว่าคงไม่ถูกล็อตเตอรี่หรอก)
She would travel all over the world if she were เขาจะเที่ยวรอบโลกถ้ามีเงินมากๆ
If I were you, I wouldn’t go out with that man. ถ้าฉันเป็นเธอฉันจะไม่ไปเที่ยวกับเขา
4. THIRD Conditional Sentences ใช้กับเหตุการณ์ที่ตรงข้ามความจริงในอดีต โดยใช้ If + past perfect (subject + had + V3) คู่กับ would have + V3 เช่น
If we had taken a taxi, we wouldn’t have missed the plane. ถ้าเราขึ้นแท็กซี่มาเราคงไม่ตกเครื่องบิน
She wouldn’t have been tired if she had gone to bed earlier. เธอจะไม่เพลียถ้าเข้านอนเร็วกว่านี้
He would have been on time for the interview if he had left the house at nine. เขาคงมาสัมภาษณ์ทันเวลาถ้า
ออกจากบ้านตอนเก้าโมง
5. MIXED Conditional Sentences ใช้เวลาพูดถึงสิ่งที่ไม่เป็นความจริงในอดีตที่มีความสัมพันธ์กับ ปัจจุบัน เช่น
She would be a rich widow now if she’d married him. เธอคงจะได้เป็นแม่หม้ายเศรษฐีไปแล้วถ้าเธอแต่งงานกับเขา (ตอนนั้นไม่แต่งกับเขา ตอนนี้เลยไม่ได้เป็นแม่หม้ายเศรษฐี)
If I’d studied law, I’d be an attorney now. ถ้าตอนนั้นเรียนนิติตอนนี้ฉันก็คงจะเป็นทนายความแล้ว
จะเห็นได้ว่าการใช้ if-clause มีหลักการใช้แบบง่ายๆเลย เราหวังว่าเพื่อนๆจะนำหลักการนี้ไปใช้อย่างถูกต้องนะจ๊ะ ^^
ที่มา: Oxbridgeinstitute