Google คือหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกที่สามารถเรียกได้ว่า “นี่คือตัวอย่างองค์กรที่ประสบความสำเร็จ” พวกเขาไม่เพียงแค่เป็นเว็บไซต์ที่มีคลังสำหรับค้นหาเรื่องราวขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่พวกเขายังมีฐานข้อมูลที่สำคัญ ซึ่งเรียกว่า Google Scholar
Google Scholar ก่อตั้งขึ้นในปี 2004 ถูกใช้เป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของวรรณกรรมทางวิชาการ ที่เปิดให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลอ้างอิงกับแหล่งอื่นๆ และติดตามงานวิจัยใหม่ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย
ขอบข่ายคร่าวๆ ที่สามารถเข้าถึงได้โดย Google Scholar
– วารสาร
– เอกสารการประชุม
– หนังสือวิชาการ
– วิทยานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
– บทคัดย่อ
– รายงานทางเทคนิค
– วรรณกรรมทางวิชาการอื่น ๆ จาก “งานวิจัยที่กว้างขวาง”
ทั้งหมดนี้คือส่วนเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือวิจัยที่มีประสิทธิภาพซึ่งเปิดให้บริการผ่าน Google Scholar
ใครที่สามารถใช้บริการ Google Scholar ได้?
คำตอบคือ ทุกคนที่ต้องการ พวกเขาเปิดให้ Google Scholar สามารถใช้งานได้สำหรับทุกคนที่ต้องการเข้าถึงฐานข้อมูลเพื่อค้นหา ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา นักวิชาการ หรือผู้ที่สนใจ
Google Scholar สามารถช่วยให้ผู้ที่เขียนบทความวิชาการสร้างบรรณานุกรมได้ง่ายขึ้น และทุกคนสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ของมันได้
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ของสิ่งที่คุณสามารถทำได้ผ่าน Google Scholar:
– คุณสามารถสร้างห้องสมุดของการวิจัยเกี่ยวกับหัวข้อที่น่าสนใจ เช่น ภาวะโลกร้อนและสร้างการแจ้งเตือนเพื่อให้คุณได้รับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการวิจัยล่าสุด
– คุณสามารถรับความรู้เชิงลึกในหัวข้อที่ซับซ้อน เช่น การศึกษาในสาขาดาราศาสตร์ที่คุณสนใจ
– คุณสามารถค้นคว้ากฎหมายกรณีเพื่อสร้างความเข้าใจที่มากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการเมืองอเมริกันและศาลฎีกา
– ฯลฯ
วิธีเข้าถึงเนื้อหาบน Google Scholar:
Google Scholar สามารถใช้เป็นเครื่องมือค้นหาได้ฟรี อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมันดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลอื่นๆ จึงเป็นไปได้ว่าข้อมูลที่คุณดึงมาใช้จำเป็นต้องมีการเข้าสู่ระบบ (หรือแม้แต่การชำระเงิน) เพื่อเข้าถึงข้อมูลทั้งหมด
ถึงกระนั้น โดยพื้นฐานแล้วการให้บริการต่างๆ เช่น การให้คำแนะนำและบทสรุปของบทความ วารสารการศึกษามักจะฟรี ซึ่งคุณสามารถเลือกใช้ได้ตามสะดวก
เคล็ดไม่ลับสำหรับการใช้ Google Scholar ให้ได้ประสิทธิภาพที่สุด:
Google Scholar จะดึงจ้อมูลมากมายมาจากการวิจัย ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะ จำกัดการค้นหาของคุณให้แคบลงเพื่อรับข้อมูลที่เกี่ยวข้องมากที่สุด นี่คือวิธีที่เราอยากแนะนำ
– เรียงลำดับการค้นหาของคุณตามวันที่ (หรือระบุวันที่เริ่มต้น) เพื่อค้นหาข้อมูลใหม่ล่าสุดที่เกี่ยวข้องมากที่สุด
– ระวังคีเวิร์ด เช่น “all versions,” “related articles,” หรือ “cited by” ซึ่งอาจทำให้ปรากฎเอกสารที่มากเกินความจำเป็น และไม่เกี่ยวกับสิ่งที่คุณต้องการ
– เพื่อค้นหาบทความฟรี คุณควรมองหา PDF และการโพสต์ตามห้องสมุด
– ดูในส่วนการอ้างอิงของบทความเพื่อทำความเข้าใจหัวข้อให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
โดยรวมแล้ว Google Scholar นับว่าเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าถึงฐานข้อมูลและเอกสารเชิงวิชาการ รวมถึงวรรณกรรมและวารสารต่างๆ ทว่า มันก็มีข้อเสียคือเนื่องจากเป็นเครื่องมือที่สามารถใช้เพื่อช่วยในการชี้แจงสำรวจและแจ้งผู้ใช้เกี่ยวกับหัวข้อที่หลากหลาย อาจทำให้คุณต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเจอสิ่งที่คุณสนใจจริงๆ และบางครั้ง ด้วยความที่ดึงข้อมูลมาจากหลายที่ ทำให้บางอย่างก็ไม่ฟรี
กุญแจสำคัญคือการรู้ว่าคุณต้องการอะไรและใช้เวลาสักครู่เพื่อทำความคุ้นชินกับการใช้ Google Scholar แล้วคุณจะต้องยกเจ้าเครื่องมือนี้ให้เป็นผู้ช่วยคนโปรดเลยล่ะ
ที่มา: businessinsider