ถ้าคุณคิดถึงการออกเสียงเลือกตั้งให้ผู้หญิงเป็นประธานาธิบดีในปี 2016 คุณอาจต้องคิดดูใหม่ หนุ่มแรปเปอร์ ที.ไอ.บอกว่าสาเหตุที่เขาไม่โหวตให้ ฮิลลารี่ คลินตัน ก็เพราะอารมณ์แบบผู้หญิงของเธอนี่แหละ
“ผมไม่ได้เป็นพวกเหยียดเพศ แต่ผมไม่สามารถโหวตให้ผู้หญิงมาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐได้หรอก คุณก็รู้ว่าผู้หญิงชอบตัดสินใจในเรื่องต่างๆด้วยอารมณ์ ต่อให้การตัดสินใจนั้นจะเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวอย่างไรแต่ไม่นานเธอก็จะทำตัวเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบเอาซะเลย”
รู้สึกว่าความโกรธปะทุขึ้นมาหรือยัง? ใจเย็นๆก่อนนะสาวๆ ไม่ใช่ ที.ไอ.เพียงคนเดียวหรอกที่อยากให้ผู้หญิงใช้อารมณ์ให้น้อยลง เพราะคนส่วนใหญ่รวมถึงผู้หญิงคนอื่นๆด้วยก็คิดเช่นนั้น เนื่องจากการศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Law and Human Behavior พบว่าผู้คนจะมองข้ามความคิดและข้อคิดเห็นของผู้หญิงหากเธอแสดงอารมณ์โกรธพร้อมกับตัดสินว่าเธอไร้เหตุผลและทำทุกอย่างด้วยอารมณ์
นักวิจัยได้ขอให้นักศึกษา 200 คนมาเข้าร่วมการตัดสินคดีซึ่งเป็นการจำลองเหตุการณ์ขึ้นมาโดยใช้ข้อมูลจากคดีจริงที่มีชายคนหนึ่งปาดคอภรรยาของตัวเอง ฝ่ายโจทก์เรียกว่าฆาตกรรมแต่ฝ่ายจำเลยเรียกว่าการฆ่าตัวตายเนื่องจากผู้เป็นภรรยาได้ปาดคอตัวเอง คดีดังกล่าวตั้งใจทิ้งประเด็นให้คลุมเครือเพื่อให้นักศึกษาสามารถเลือกตัดสินเองได้ จากนั้นพวกเขาก็ต้องบันทึกคำตัดสินและพูดคุยกับลูกขุนคนอื่นๆเกี่ยวกับการตัดสินในครั้งนี้
ปรากฏว่าลูกขุนคนอื่นๆเกือบทั้งหมดเห็นด้วยกับเรื่องที่เกิดขึ้น ขณะที่มีเพียงคนเดียวไม่เห็นด้วยและโต้เถียงโดยการใช้ทั้งคำพูดที่สงบและโกรธเกรี้ยว เมื่อผู้คัดค้านที่เป็นผู้ชายโกรธบรรดาอาสาสมัครก็จะเริ่มมีความมั่นใจน้อยลงกับความคิดเห็นของตัวเองและรู้สึกเห็นด้วยกับเขา แต่ถ้าผู้ที่แสดงอารมณ์โกรธเป็นผู้หญิงผลลัพธ์จะออกมาในทางตรงกันข้าม ยิ่งผู้หญิงแสดงอารมณ์ออกมามากเท่าไหร่อาสาสมัครก็จะยิ่งให้ความเชื่อถือน้อยลงเท่านั้น แนวคิดการตำหนิผู้หญิงว่าไร้เหตุผลหรืองี่เง่าเนื่องจากการใช้อารมณ์นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่
การศึกษาล่าสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมาพบว่าการแสดงอารมณ์โกรธขณะถกปัญหากันในที่ทำงานจะทำให้ผู้หญิงมีคุณค่าลดลงและผลกระทบจะติดตัวไปตลอดการทำงานของเธอ
การแสดงอารมณ์โกรธอาจทำให้ผู้ชายได้รับอำนาจแต่ผู้หญิงจะสูญเสียอำนาจไป (แม้ว่าจะเป็นการถกเถียงในเรื่องเดียวกัน) ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมเหล่านี้อาจส่งผลให้ผู้หญิงมีโอกาสสูญเสียอำนาจในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญทางสังคมมากกว่าผู้ชาย เช่น คำตัดสินจากคณะลูกขุน
จากประเด็นนี้อาจดูเหมือนว่าเราควรสอนผู้หญิงให้รู้จักแสดงความคิดของตัวเองด้วยท่าทีที่สงบและไม่ใช้อารมณ์ (และบทความจำนวนมากก็เขียนแนะนำผู้หญิงให้เรียนรู้วิธีแสดงความมั่นใจไม่ใช่กริยาที่ก้าวร้าว) แต่เนื่องด้วยคำแนะนำเหล่านั้นถูกมอบให้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายอย่างเท่าเทียมกัน ฉันจึงมองว่าวิธีนี้น่าจะทำให้ปัญหายุ่งยากขึ้นไปอีกแทนที่จะเป็นการแก้ปัญหา ดังนั้นแทนที่จะตำหนิว่าพวกผู้หญิงงี่เง่าและต้องหยุดทำเรื่องเหลวไหลเหล่านี้ไม่งั้นจะไม่มีใครฟัง เราควรเรียกพฤติกรรมนี้ว่าการกระทำสองมาตรฐานในสังคมสุดเส็งเคร็งและจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงก่อนที่เราจะกลายร่างเป็นยักษ์ตัวเขียวและทุบทำลายเรื่องเหลวไหลนี้ (นายจะเป็นคนแรกเลย ที.ไอ.)
ไม่แฟร์สำหรับผู้หญิงหลายๆคนเลยนะ แต่ก็คือความจริงที่ว่าโลกใบนี้ถูกมองอย่างนี้ ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่ผู้หญิงทั้งหมดหรอกที่ใช้อารมณ์ แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นแบบนั้นเลยถูกเหมารวมกันไปหมด ส่วนผู้ชายก็เช่นกัน มีทั้งคนที่มีและไม่มีเหตุผล
source: eduzones