เรื่องราวต่อไปรับรองว่าต้องถูกใจเพื่อนๆ ขาเที่ยวแน่นอนครับ เพราะว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวจากรอบโลก ซึ่งแต่ละที่นั้นสวยไม่หยอกกันเลยครับผม รับประกันได้เลย
ไม่ว่ากี่ประเทศทั่วโลก ทุกวันนี้จะต้องมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นจุดขายเอาไว้ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวกันทั้งนั้น แต่มีสถานที่บางที่ที่ค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ยังอยากเห็นความสวยงามของมันนั้นต้องรีบไปดูกันซะก่อนที่มันจะเลือนหายไปนั่นเอง
ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติ หรือการท่องเที่ยวทำร้าย แต่สถานที่เหล่านี้จะต้องหายไปอย่างแน่นอน วันนี้เราจึงขอนำเสนอ 10 สถานที่สวยๆ ที่ต้องไปเยี่ยมก่อนที่จะมันจะสายเกินไป…มีที่ไหนบ้างมาดูกันเลย
ทัชมาฮาล ประเทศอินเดีย
อาจจะอีก 5 ปี ที่อนุสรณ์แห่งรักที่ได้รับการยกย่องให้เป็น “สิ่งมหัศจรรย์ของโลก” นี้จะถูกปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เนื่องจากปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในทุกๆปี ประกอบกับปัญหาด้านมลพิษ ทำให้หินอ่อนสีขาวนี้ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ ทางอินเดียจึงคิดจะออกกฎห้ามนักท่องเที่ยวเข้าไปชม อนุญาตเพียงแค่ให้ถ่ายรูปจากด้านหน้าเท่านั้น เพื่อที่จะอนุรักษ์สุสานหินอ่อนแห่งนี้ให้คงสภาพสมบูรณ์ที่สุด
อุทยานแห่งชาติแกลซิเออร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ที่นี่เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่ง ในสหรัฐอเมริกา อุดมไปด้วยความสมบูรณ์ทางระบบนิเวศทั้งพื้นที่น้ำแข็งกว่า 4,000 ตารางกิโลเมตรแห่งนี้ แต่ด้วยสภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้น น้ำแข็งเกิดการหลอมละลายทำให้ที่นี่เปลี่ยนแปลงไป อีกเพียงไม่ถึง 20 ปี ที่นี่คงจะต้องเหลือไว้เพียงแค่ชื่อ
ลุ่มน้ำคองโก แอฟริกา
ลุ่มน้ำคองโกเป็นป่าฝนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากลุ่มน้ำอเมซอน และมีพื้นที่ครอบคลุมถึง 7 ประเทศในทวีปแอฟริกา และยังช่วยผลิตออกซิเจนให้โลกมากถึง 40% แต่ดูจากการที่บ้านเมืองขยายใหญ่ขึ้น คนก็ต้องตัดไม้ทำลายป่าเพื่อที่จะสร้างที่อยู่อาศัย ทำให้อีกไม่ถึง 25 ปี ผืนป่าที่สำคัญแห่งนี้ก็จะหมดไป
มาดากัสการ์ มหาสมุทรอินเดีย
เป็นเกาะที่ใหญ่อันดับ 4 ของโลก ซึ่ง 80% ของพืชและสัตว์ที่นี่ไม่สามารถพบได้ที่ไหนในโลก แต่จากการเพิ่มขึ้นของประชากร การตัดไม้ เผาป่า และ การทำไร่เลื่อนลอย ทำให้ป่าไม้ของเกาะนี้ลดปริมาณลงมากจาก 120,000 ตารางไมล์เหลือพียง 20,000 ตารางไมล์เท่านั้น!! แต่เชื่อกันว่าอีกไม่เกิน 35 ปี ที่นี่คงจะกลายเป็นแค่เรื่องราวในการ์ตูนเท่านั้น
เทือกเขาแอลป์ ทวีปยุโรป
เทือกเขาแอลป์ เทือกเขาน้ำแข็งชื่อดังของยุโรปที่เต็มไปด้วยบรรยากาศสวยๆ และธารน้ำแข็งหนากว่า 60 เมตรที่กำลังจะหายสาบสูญไป เนื่องจากผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน!! เชื่อไหมว่าปัจจุบันธารน้ำแข็งบนยอดเขา น้อยลงกว่าเมื่อ 30 ปีที่แล้วถึง 20% ทำให้คาดการณ์ได้ว่าอีกไม่ถึง 40 ปีข้างหน้าธารน้ำแข็งชื่อดังทั้งหลายจะไม่เหลืออยู่อีกเลย
ทะเลเดดซี ประเทศจอร์แดนและอิสราเอล
เป็นทะเลสาบที่มีความเค็มมากกว่าทะเลทั่วไปถึง 10 เท่า จนคนสามารถลอยบนผิวน้ำได้เลย แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ปริมาณฝนและการไหลเวียนของน้ำเปลี่ยนไป ทำให้น้ำจากแม่น้ำจอร์แดนซึ่งเป็นแหล่งน้ำหลักแหล่งเดียวที่ให้น้ำแก่ที่นี่ลดปริมาณลง ส่งผลให้ในช่วงสี่สิบปีที่ผ่านมาทะเลสาบแห่งนี้มีความกว้างลดลงกว่าเดิมถึง 1 ใน 3 และยังมีระดับน้ำต่ำลงอีกกว่า 2.40 เมตรคาดว่าอีก 50 ปีข้างหน้าก็จะเป็นเพียงพื้นที่โล่งกว้างเท่านั้น
เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
เมืองแสนสวยตั้งอยู่บนน้ำแห่งนี้มีอายุอีกเพียงแค่ไม่ถึง 70 ปีเท่านั้นโดยสาเหตุก็มาจากน้ำท่วมนั่นเอง!! แต่ละปีมีจำนวนการเกิดน้ำท่วมเมืองเพิ่มขึ้น จาก ปี 1900 มีน้ำท่วมเมืองไม่ถึง 10 ครั้ง ต่อมาในปี 2000 กลับมีน้ำท่วมมากกว่า 60 ครั้ง จนทำให้ชาวบ้านแถวนั้นวางแผนจะอพยพกันไปอยู่ห่างจากน้ำซะแล้วล่ะ
แนวปะการังเกรท แบริเออร์ รีฟ ประเทศออสเตรเลีย
แนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย แต่จากสภาพแวดล้อมที่ผันแปรในปัจจุบัน จึงคาดการณ์ไว้ว่าภายในปี 2070 อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นอีก 6 องศาเซลเซียส ทำให้ความเป็นกรดของน้ำทะเลสูงขึ้น และจะเกิดพายุไซโคลนที่ถล่มอยู่เป็นประจำ จึงคาดว่า 60% ของปะการังที่นี่จะเผชิญกับปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว (ปะการังตายแล้วเหลือแต่หินปูนขาวซีดๆ)
หมู่เกาะมัลดีฟส์ ประเทศมัลดีฟส์
อีกไม่ถึง 100 ปี ที่นี่ก็คงจะจมหายไปกับมหาสมุทร เพราะปัจจุบัน 80% ของจำนวนเกาะทั้งหมด 1,200 เกาะ ของหมุ่เกาะมัลดีฟส์ สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่ถึง 1 เมตร นอกจากนี้ 90% ของแนวปะการังในประเทศยังเป็นปะการังฟอกขาวไปหมดแล้ว (ปะการังตายแล้วเหลือแต่หินปูนขาวซีดๆ) และทางรัฐบาลก็ได้เตรียมการขอซื้อที่ดินไว้รองรับประชากรในอนาคตที่จะไร้ที่อยู่แล้วด้วยล่ะ
หมู่เกาะกาลาปากอส ประเทศเอกวาดอร์
หมู่เกาะกาลาปากอส เป็นหมู่เกาะกลางมหาสมุทรแปซิฟิก มีความน่าสนใจทั้งด้านธรณีวิทยา สัตววิทยา และนิเวศวิทยาเป็นอย่างยิ่ง ความพิเศษของที่แห่งนี้ คือ เป็นที่อาศัยอยู่ของสัตว์ท้องถิ่นที่มีลักษณะแปลกๆ มากมาย และ 75% ของสัตว์ทั้งหมดนี้สามารถพบได้ที่นี่ที่เดียวในโลก แต่ด้วยความที่ปัจจุบันคนให้ความสนใจไปเที่ยวเยอะ เลยทำให้ระบบนิเวศเสื่อมโทรมลง
รู้สึกเศร้าๆ เหมือนกันนะครับที่ต้องได้ยินข่าวนี้ ทำให้นึกถึงคภสอนของพระพุทธเจ้าที่กล่าวไว้ว่า ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่จีรังยั่งยืน… แต่ถ้าใครมีโอกาสก็รีบไปเที่ยวกันซะก่อนนะครับ ก่อนที่จะสายเกินไป…
Source: PaiNaiDee